การวัดความสุขของประชาชน ดูเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม และไม่อาจทำได้จริงในทางปฏิบัติ แต่ลิทัวเนียก็ไม่สนใจกับหลักการนี้ เพราะเพิ่งมีการเปิดตัวบารอมิเตอร์วัดความสุขเป็นครั้งแรกในโลก โดยใช้สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือหลัก ในการโหวตคะแนนความสุข พร้อมกับการรายงานผลแบบเรียลไทม์
หลายครั้งที่นักสังคมวิทยา หรือนักการเมือง พยายามจะวัดความพึงพอใจ และความสุขของการใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ กลับมีความไม่แน่นอน หรือไม่น่าเชื่อถือมากนัก แต่ที่ประเทศลิทัวเนีย ก็ยังคงไม่เลิกล้มความพยายามดังกล่าว จึงได้มีการพัฒนาโปรเจ็ค ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการวัดความสุขของประชาชน และที่สำคัญ เครื่องมือนี้ สามารถวัดได้แบบเรียลไทม์ ทำให้รู้กันไปเลยว่า เวลาใดที่ชาวลิทัวเนีย มีความสุขหรือทุกข์ใจ
โดย Arturas Jonkus เจ้าของโปรเจ็คนี้ ให้สัมภาษณ์ว่า เครื่องมือดังกล่าวมีชื่อว่า 'happiness barometer' ที่จะเป็นตัวชี้วัดระดับความสุขจากมากไปหาน้อย หรือจาก 1-10 ซึ่งเมื่อใดก็ตาม ที่มีคนโหวตระดับความสุขของพวกเขา คอมพิวเตอร์ก็จะประมวลผลในแบบเรียลไทม์ เพื่อให้เห็นถึงระดับความสุขของแต่ละช่วงเวลา เพียงแค่ชาวลิทัวเนีย หรือนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา ในกรุงวิลนีอุส เมืองหลวงของประเทศ ใช้สมาร์ทโฟนสแกนบาร์โค้ดที่ติดอยู่ตามโปสเตอร์โปรโมทโปรเจ็คนี้ หรือสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของโครงการได้โดยตรง ก็จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการโหวตระดับความสุขได้ทันที
โดยผลคะแนนของการโหวตนั้น จะถูกรวบรวม และปรากฏอยู่ที่จอโทรทัศน์มากมายหลายจอ ที่ติดตั้งอยู่ที่ศาลาว่าการกรุงวิลนีอุส ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ เพื่อที่จะได้เห็นว่า คะแนนความสุขของผู้คนในกรุงวิลนีอุสตอนนี้เป็นอย่างไร
ซึ่งหลังจากที่ได้มีการทดลองใช้ 'happiness barometer' มาได้สักระยะ พบว่า ชาวลิทัวเนีย และนักท่องเที่ยว ต่างก็สนุกสนานกับการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ โดยพวกเขายอมรับว่า การได้ร่วมโหวตทำให้พวกเขามีความสุข หรือแม้กระทั่งการเห็นโปสเตอร์ติดอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ก็ทำให้พวกเขามีความสุขเช่นเดียวกัน
โดยผลคะแนนโหวตในช่วงสัปดาห์แรกปรากฏว่า ระดับความสุขโดยรวมของผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงวิลนีอุสอยู่ที่ร้อยละ 60 ซึ่งถือเป็นค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ และตัวชี้วัดที่ทำให้ความสุขของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศ โดยประชาชนจะมีความสุขในวันที่อากาศดี มีแสงแดดแจ่มใส และระดับความสุขจะลดลง ในวันที่ฟ้าครึ้มและมีเมฆมาก
Arturas Jonkus เล่าว่า เขาเชื่อว่า ลิทัวเนียเป็นที่แรกของโลกที่ใช้วิธีการนี้ ในการวัดความสุขของประชาชน แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศอื่นๆ สามารถนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้กับประชาชนของตนเองได้เช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารเมืองๆนั้นได้เห็นว่าประชาชนของตนมีความสุขหรือไม่ ยังเป็นการช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อีกด้วย
หลายครั้งที่นักสังคมวิทยา หรือนักการเมือง พยายามจะวัดความพึงพอใจ และความสุขของการใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ กลับมีความไม่แน่นอน หรือไม่น่าเชื่อถือมากนัก แต่ที่ประเทศลิทัวเนีย ก็ยังคงไม่เลิกล้มความพยายามดังกล่าว จึงได้มีการพัฒนาโปรเจ็ค ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการวัดความสุขของประชาชน และที่สำคัญ เครื่องมือนี้ สามารถวัดได้แบบเรียลไทม์ ทำให้รู้กันไปเลยว่า เวลาใดที่ชาวลิทัวเนีย มีความสุขหรือทุกข์ใจ
โดย Arturas Jonkus เจ้าของโปรเจ็คนี้ ให้สัมภาษณ์ว่า เครื่องมือดังกล่าวมีชื่อว่า 'happiness barometer' ที่จะเป็นตัวชี้วัดระดับความสุขจากมากไปหาน้อย หรือจาก 1-10 ซึ่งเมื่อใดก็ตาม ที่มีคนโหวตระดับความสุขของพวกเขา คอมพิวเตอร์ก็จะประมวลผลในแบบเรียลไทม์ เพื่อให้เห็นถึงระดับความสุขของแต่ละช่วงเวลา เพียงแค่ชาวลิทัวเนีย หรือนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา ในกรุงวิลนีอุส เมืองหลวงของประเทศ ใช้สมาร์ทโฟนสแกนบาร์โค้ดที่ติดอยู่ตามโปสเตอร์โปรโมทโปรเจ็คนี้ หรือสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของโครงการได้โดยตรง ก็จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการโหวตระดับความสุขได้ทันที
โดยผลคะแนนของการโหวตนั้น จะถูกรวบรวม และปรากฏอยู่ที่จอโทรทัศน์มากมายหลายจอ ที่ติดตั้งอยู่ที่ศาลาว่าการกรุงวิลนีอุส ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ เพื่อที่จะได้เห็นว่า คะแนนความสุขของผู้คนในกรุงวิลนีอุสตอนนี้เป็นอย่างไร
ซึ่งหลังจากที่ได้มีการทดลองใช้ 'happiness barometer' มาได้สักระยะ พบว่า ชาวลิทัวเนีย และนักท่องเที่ยว ต่างก็สนุกสนานกับการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ โดยพวกเขายอมรับว่า การได้ร่วมโหวตทำให้พวกเขามีความสุข หรือแม้กระทั่งการเห็นโปสเตอร์ติดอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ก็ทำให้พวกเขามีความสุขเช่นเดียวกัน
โดยผลคะแนนโหวตในช่วงสัปดาห์แรกปรากฏว่า ระดับความสุขโดยรวมของผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงวิลนีอุสอยู่ที่ร้อยละ 60 ซึ่งถือเป็นค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ และตัวชี้วัดที่ทำให้ความสุขของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศ โดยประชาชนจะมีความสุขในวันที่อากาศดี มีแสงแดดแจ่มใส และระดับความสุขจะลดลง ในวันที่ฟ้าครึ้มและมีเมฆมาก
Arturas Jonkus เล่าว่า เขาเชื่อว่า ลิทัวเนียเป็นที่แรกของโลกที่ใช้วิธีการนี้ ในการวัดความสุขของประชาชน แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศอื่นๆ สามารถนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้กับประชาชนของตนเองได้เช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารเมืองๆนั้นได้เห็นว่าประชาชนของตนมีความสุขหรือไม่ ยังเป็นการช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อีกด้วย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
