เป็นธรรมดาของคู่รักที่อาจต้องมีปากเสียงกระทบกระทั่งกันบ้าง เพราะคนเราย่อมมีเรื่องที่เข้ามาสร้างความไม่พอใจให้กับตัวเองได้ทั้งนั้น แต่ใครจะสามารถระงับความโกรธหรือมีความอดทนได้มากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาวะหลายสิ่งรอบๆ ตัว แต่ถ้าโกรธกับจนถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งย่อมมีอันตรายมากกว่าการทะเลาะทั่วๆ ไป อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ทางที่ดีเราควรศึกษาวิธีระงับความโกรธเอาไว้บ้าง
หลีกเลี่ยงการพูดเวลาโกรธ
เนื่องจากคำพูดที่ออกตอนขณะอารมณ์โกรธจะเป็นคำพูดที่รุนแรง และบั่นทอนจิตใจของคู่สนทนาหรือคนรอบข้างถ้าทั้งสองฝ่ายต่างโกรธ จะทำให้เหตุการณ์ปะทะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง ควรเงียบไว้ก่อนจนกว่าอารมณ์เป็นปกติ จึงค่อยพูดคุยปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้ง
พยายามใช้เหตุผล
เมื่อรู้สึกโกรธเมื่อไหร่ให้ลองก้าวออกมาจากสถานการณ์นั้นก่อน เพราะความโกรธไม่ช่วยอะไรใคร มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าอาจจะยังมีความโกรธอยู่ แต่ทางที่ดีที่สุดคือพยายามนิ่งไว้ เพื่อสงบอารมณ์ที่ปะทุอยู่ภายใน จากนั้นค่อยเรียบเรียงใช้คำพูดที่มีเหตุผลเพื่ออธิบายและพูดคุยต่อกันจะดีกว่า
มีความเห็นใจซึ่งกันและกัน
ทุกครั้งที่มีอารมณ์โกรธให้มองคู่สนทนาหรือคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เราโกรธนั้นเป็นใคร เพราถ้าหากเป็นเด็กเล็กๆ เช่นน้อง หรือหลาน แน่นอนว่าเค้าอาจจะไม่ตั้งใจทำให้เราโกรธ เราโกรธไปก็ทำให้เราสุขภาพจิตเสียเปล่าๆ ในขณะเดียวกันหากเป็นคนรักให้มองว่าเพราะอะไรถึงโกรธกัน คิดในทางกลับกันบ้าง ความเห็นใจจะช่วย ให้บรรเทาอาการโกรธของคุณได้
หันไปให้ความสนใจกับสิ่งอื่น
ขณะที่กำลังโกรธกันให้มองหาข้อดีของคู่รัก หรือคิดถึงเรื่องในอดีตที่มีความสุขด้วยกัน เป็นการคิดบวกช่วยลบล้างความคิดในแง่ลบ จะช่วยลดความโกรธในใจคุณลงได้ง่ายดาย
ไม่ขึ้นเสียงใส่กัน
ห้ามใช้เสียงในการทะเลาะเด็ดขาด เพราะมันจะเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายใช้เสียงเช่นกัน แล้วจากนั้นอารมณ์ของทั้งสองฝ่ายก็จะพลุ่งพล่าน และไม่สามารถระงับความโกรธ หรือควบคุมสถานการณ์ได้
ยิ้มให้กันดีที่สุด
การยิ้มทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างไม่ต้องพูดอะไรออกมา เพราการที่คุณพยายามยิ้ม นั่นแหละ คือคุณพยายามทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายกำลังเริ่มดีขึ้นแล้ว อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นเจตนาดีต่อกันอีกด้วย ช่วยคลายความตึงเครียดระหว่างคู่รักขณะมีปัญหาได้อย่างดีทีเดียว
ที่มา ... Woman's Story