1. น้ำส้มสายชู
หลายคนอาจจะคิดว่าน้ำส้มสายชูมีฤิทธิ์กัดกร่อนที่รุนแรงเกินกว่าจะนำมาใช้กับผิวพรรณ แต่ในความเป็นจริงแล้วกรดของน้ำส้มสายชูไม่ได้มีอันตรายกับผิวถึงขนาดนั้น หนำซ้ำยังมีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูผิวไหม้จากแสงแดดให้หายเป็นปกติได้อีกด้วย เพียงแค่นำน้ำส้มชายชู หรือแอปเปิลไซเดอร์มาใส่ในขวดสเปรย์ จากนั้นก็นำมาฉีดพรมผิวบริเวณที่ถูกแสงแดดทำลาย หรือจะนำผ้าขนหนูชุบน้ำส้มสายชูให้ชุ่ม แล้วนำมาประคบที่ผิวสักพัก อีกวิธีก็เทน้ำส้มสายชู 2 ถ้วยตวงใส่ในอ่างอาบน้ำ แล้วก็ลงไปนอนแช่ แต่ทุกวิธีไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูหมักจากมอลต์ (malt vinegar) หรือใช้น้ำส้มสายชูกับน้ำร้อนนะคะ เพราะความร้อนอาจจะทำให้กรดต่าง ๆ ในน้ำส้มสายชูเจือจางลงได้
2. ไข่ขาว
เราคุ้นเคยกับการใช้ไข่ขาวดิบมาลอกสิวเสี้ยน หรือนำมาขับพิษ แต่ต่อไปนี้ถ้าหากคุณมีปัญหาผิวไหม้จากแสงแดด ก็สามารถนำไข่ขาวดิบมาทาผิวบริเวณที่มีปัญหาได้ด้วย เนื่องจากในไข่ขาวดิบมีเอนไซม์ที่สามารถบรรเทาอาการแสบร้อน และไหม้เกรียมจากการถูกแสงแดดทำลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่พอกไข่ขาวทิ้งไว้บนผิวสักพัก ก็จะรู้สึกได้ว่าอาการแสบร้อนบนผิวค่อย ๆ หายไปอย่างน่าอัศจรรย์เลยล่ะ
3. ข้าวโอ๊ต
อีกหนึ่งวิธีฟื้นฟูผิวจากการที่โดดแดดเผาก็คือ ผสมข้าวโอ๊ตบดลงในอ่างอาบน้ำที่มีน้ำเย็นอยู่เกือบเต็ม แล้วก็ลงไปนอนแช่สักพัก หรือจะใช้วิธีผสมข้าวโอ๊ตบดกับไข่ขาวดิบในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน คลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำมาพอกผิวที่ไหม้เกรียม พอส่วนผสมเริ่มแห้งก็ล้างออกด้วยน้ำเย็น และซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนู
4. ชา
นอกจากจะมีรสชาติดี ดื่มอร่อยแล้ว ในชายังมีกรดแทนนิค (tannic acid) หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่ายาสมานผิวอยู่ด้วย ซึ่งกรดตัวนี้สามารถรักษาผิวไหม้เกรียมจากแสงแดดให้กลับมาเป็นปกติดังเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแค่คั้นน้ำชาจากใบชาจนได้น้ำชาที่เข้มข้น แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็น จากนั้นก็นำใส่ขวดสเปรย์ และนำมาฉีดพรมผิวบริเวณที่ไหม้แดง อีกวิธีก็ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำชา แล้วนำมาประคบผิว หรือจะแช่ตัวในน้ำเย็น ที่มีถุงชาประมาณ 4-6 ถุงแช่อยู่ด้วยก็ได้ค่ะ
5. นม
นับเป็นวิธีฟื้นฟูผิวที่ไหม้เสียจากแสงแดดได้ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง เพราะนมมีสารอาหารและคุณประโยชน์ในเรื่องของการดูแลบำรุงผิวอยู่มากมาย เราจึงสามารถนำนมสดมาบรรเทาอาการไหม้ของผิวได้ ด้วยการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำนมให้ชุ่มแล้วนำมาประคบที่ผิว หรือจะผสมนมสด 1 แกลลอนลงไปในอ่างอาบน้ำ แล้วลงไปนอนแช่ก็ได้ อีกวิธีหนึ่งก็แค่พอกผิวด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ทิ้งไว้จนแห้งแล้วล้างออกด้วยน้ำจนสะอาด แต่ทั้งหมดนี้ควรทำเป็นประจำทุกวัน เพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่องนะจ๊ะ
6. แป้งข้าวโพด
หากที่บ้านมีแป้งข้าวโพดอยู่ ก็สามารถนำมาบรรเทาและฟื้นฟูผิวไหม้เสียจากแสงแดดได้เช่นกัน ด้วยการผสมน้ำเย็นหรือน้ำอุณภูมิปกติกับแป้งข้าวโพด 1 ถ้วยตวง แล้วลงไปนอนแช่นาน 30 นาที หรือจะผสมเบกกิ้งโซดากับแป้งข้าวโพดอย่างละครึ่งถ้วยตวงก็ได้ แต่ถ้าไม่สะดวก จะผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเย็นจนเป็นเนื้อเหนียว ๆ แล้วนำมาพอกผิวที่ไหม้เสียก็ได้เหมือนกัน หรือจะผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเย็น แล้วใส่ขวดสเปรย์เอาไว้ฉีดพรมตามผิว แต่ขั้นตอนสุดท้ายของทุกวิธี ต้องใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดคราบขาวจากแป้งข้าวโพดออกให้หมดด้วยนะคะ
7. มะเขือเทศ
สาว ๆ หลายคนคงเคยใช้มะเขือเทศมาส์กหน้า หรือพอกหน้ากันมาบ้างแน่ ๆ แต่ทราบไหมคะว่ามะเขือเทศก็มีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูผิวไหม้เกรียมจากแดดเผากับเขาด้วยเหมือนกัน โดยการหั่นมะเขือเทศเป็นแว่นแล้วนำไปประคบผิวที่ไหม้เกรียม หรือจะผสมน้ำมะเขือเทศ 2 ถ้วยตวงลงในอ่างอาบน้ำเย็นแล้วลงไปนอนแช่สักพัก หรือจะปั่นมะเขือเทศ 1 ลูก กับนมเปรี้ยว 1 ขวดให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกผิว เพื่อการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นก็ได้ แต่ถ้าไม่สะดวกจะปั่น ก็ผสมน้ำมะเขือเทศคั้นสดกับนมเปรี้ยวแล้วเอามาพอกผิวได้เลยจ้า
8. แตงกวา
ถือเป็นผักผลไม้อีกชนิดที่มักจะถูกนำมาใช้ประโยชน์เรื่องผิวพรรณไม่น้อย เพราะแตงกวามีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ค่อนข้างมาก จึงสามารถช่วยบำรุงฟื้นฟูผิวที่ไหม้เสีย และแห้งแตกจากการถูกแสงแดดทำลายได้ โดยวิธีก็แค่หั่นแตงกวาเป็นแว่น แล้วนำไปประคบผิวที่ไหม้แดง หรือจะเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูรักษาด้วยการนำแตงกวาไปปั่นรวมกับนมสด หรือนมเปรี้ยวให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาพอกผิวที่ไหม้แดง ทิ้งไว้จนแห้งแล้วค่อยล้างทำความสะอาดผิวด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง
9. น้ำผึ้ง
สำหรับคนที่ไม่แคร์เรื่องความเหนียวหนืดของน้ำผึ้ง จะนำน้ำผึ้งทาลงไปที่ผิวไหม้เสียจากแสงแดดเลยก็ได้ หรือจะผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวในอัตราส่วน 80/20 หรือจะผสมน้ำผึ้งกับนมสดในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน แล้วนำมาพอกผิวที่มีปัญหาก็ได้ค่ะ สะดวกแบบไหนก็เลือกทำได้ตามสบายเลยจ้า