นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดี เชื่อว่า "สโตนเฮนจ์" โบราณสถานยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนั้น สร้างขึ้น ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในช่วงระหว่างประมาณ 3000 ถึง 2000 ปีก่อนคริสตกาล
นั่นหมายความว่า สโตนเฮนจ์เป็นผลงานของวัฒนธรรมซึ่งไม่มีบันทึกอะไรหลงเหลือไว้ให้ศึกษาทำความเข้าใจเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ทำให้หลายๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับโบราณสถานสำคัญที่เป็นมรดกโลก และเป็นมรดกแห่งชาติอังกฤษ แห่งนี้ยังคงเป็นปริศนาให้คาดเดากันไปต่างๆ นานาอยู่จนกระทั่งถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการก่อสร้าง หินที่ใช้ในการก่อสร้าง แล้วก็คำถามสำคัญที่ว่า สร้างขึ้นมาทำไม? เป็นต้น
การสำรวจที่ว่านี้ไม่เคยทำกันมาก่อน ตอนนี้ทำได้ขึ้นมาเพราะทางสำนักมรดกแห่งชาติ เตรียมลงทุน 27 ล้านปอนด์ บูรณะปรับปรุงพื้นที่โดยรอบสโตนเฮนจ์ แล้วก็สั่งปิดถนนสาย เอ344 ที่ตัดเข้ามาในอาณาบริเวณ เพื่อถมดินปลูกหญ้าทับต่อไปในปีหน้า การขุดค้นเลยสามารถทำได้ขึ้นมา แล้วก็ได้ผลเกินคาดหมาย เพราะแค่ลอกผิวถนนสมัยใหม่ออก ทีมขุดค้นก็พบร่องน้ำสองด้านของแนวถนนที่เดิมเชื่อกันว่าเป็นเส้นทางสำหรับขบวนแห่ ทอดจากทางเข้าด้านตะวันอกเฉียงเหนือ เป็นแนวตรงไปยัง เวสต์ อาเมสเบอรี่ เป็นระยะทางราว 2.4 กิโลเมตร
ร่องน้ำดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากการหลอมละลายของน้ำแข็งในยุคน้ำแข็ง เลยจากปลายทางด้านตะวันตกของเส้นทางดังกล่าวนั้นอยู่ที่ แม่น้ำเอวอน ศาสตราจารย์ พาร์คเกอร์เพียร์สัน ระบุว่า เส้นทาง 2.4 กิโลเมตรนี้ตรงกับแกนของซอลสทิซ หรือปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากผิวโลกมากที่สุด ในหน้าหนาว (วินเทอร์ ซอลสทิซ) และในหน้าร้อน (ซัมเมอร์ ซอลสทิซ) โดยบังเอิญ เส้นทางนั้นถูกเลือก เนื่องจากสภาพตามธรรมชาติของพื้นที่ที่เป็นทุ่งโล่ง ผู้คนในยุคโบราณมองเห็นจุดที่บรรจบระหว่างท้องฟ้ากับแผ่นดินได้ด้วยตาตัวเอง หรือที่คนโบราณเชื่อว่าเป็นจุดบรรจบระหว่างโลกกับสวรรค์ จุดที่ตั้งของสโตนเฮนจ์ ถูกเลือกเพราะเหตุนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะผู้คนยุคก่อนประวัติศาสตร์ดังกล่าวบูชาพระอาทิตย์ หรือใช้เป็นจุดเพื่อกำหนดปฏิทิน ตามที่มีการตีความกันไว้ก่อนหน้านี้แต่อย่างใด