น้ำผลไม้แยกกาก จัดเป็นเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพในยุคปัจจุบัน ที่หาทานกันได้ง่ายทั้งตามหน้าออฟฟิศ ร้านขายน้ำผักผลไม้ในห้างสรรพสินค้า ตามชั้นตู้แช่เย็นในซุปเปอร์มาเก็ตชั้นนำ ไปจนถึงผู้รักสุขภาพหลาย ๆ ท่าน ซื้อเครื่องคั้นน้ำผลไม้แยกกากมาทำเอง
สารพัดผลไม้ที่นำมาทำได้มีตั้งแต่ ส้ม แอปเปิ้ล สับปะรด กีวี มะม่วง แคนตาลูป สตอเบอรี่ ฝรั่ง กล้วย กีวี ไปจนถึงผักตั้งแต่ มะเขือเทศ แครอท บีทรูท มะนาว ต้นหอมฝรั่งหรือเซอเลอรี่ ไปจนถึงใบบัวบก สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่อุดมไปด้วยสารพัดวิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย และเป็นสารต้นอนุมูลอิสระ (สารต้านมะเร็ง) จากธรรมชาติชั้นดีที่ไม่ต้องสรรหาวิตามินเสริมที่ไหนทาน แต่นอกจากวิตามิน และแร่ธาตุที่มากมายแล้ว ยังมีประโยชน์จาก กากใย หรือ เส้นใยอาหาร (Fiber) กันอีกด้วย
กากใย หรือ เส้นใยอาหาร บางคนก็อาจเรียกทับศัพท์ ว่า ไฟเบอร์ นั้น เป็นสารที่ประกอบกันเป็นส่วนต่าง ๆ
โดยเฉพาะผนังเซลล์ของพืช ที่มีโมเลกุลซับซ้อนมากจนน้ำย่อยในร่างกาย ไม่สามารถย่อยเส้นใยเหล่านี้ได้ เส้นใยจึงไม่ถูกดูดซึม ไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เมื่อเรากินพืชผักที่มีเส้นใยอาหารเข้าไป ร่างกายจะทำหน้าที่ย่อยสารอาหารในพืชผัก ซึ่งได้แก่ วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ส่วนกากใยที่เหลืออยู่ที่ร่างกายย่อยไม่ได้จะผ่านออกไปยังลำไส้ใหญ่ และถูกขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ โดยกากใยจะไปทำหน้าที่ช่วยเพิ่มปริมาณของเสีย และเมื่อรวมกับอาหารอื่นที่ถูกย่อยและดูดซึมแล้ว ทำให้สามารถเคลื่อนตัวไปตามลำไส้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยอุ้มน้ำ ซึ่งน้ำเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อาหารที่ผ่านการย่อยและดูดซึมแล้ว (ขณะนี้คือของเสีย) อ่อนนุ่มขึ้น จึงง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย แม้กากใยจะไม่ใช่สารอาหารที่ช่วยในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย อย่างวิตามิน และ แร่ธาตุ และไม่ได้ให้พลังงานแก่ร่างกาย อย่างคาร์โบไฮเดรต โปรตีน หรือไขมัน แต่กากใย ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเหลือเกินในระบบขับถ่ายดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราก็ขาดกากใยไม่ได้เช่นกัน
งานวิจัยอีกหลายชิ้นที่ได้พยายามค้นหาประโยชน์ของเส้นใยอาหาร จนปัจจุบันได้คำตอบที่แน่ชัดแล้วว่า เส้นใยอาหารช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคความดันเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็งต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค
นักโภชนาการได้แนะนำให้คนเรากินเส้นใยอาหารวันละประมาณ 25-30 กรัม แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนส่วนใหญ่กินอาหารที่มีเส้นใยเพียง 2 ใน 3 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการเท่านั้น ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขก็ได้พยายามรณรงค์ให้คนไทยกินผลไม้ให้หลากหลาย ซึ่งหากจะคำนวณออกมาเป็นตัวเลขดูเป็นเรื่องยุ่งยาก ดังนั้นหลักการง่าย ๆ ในการปฏิบัติ เพื่อที่ร่างกายจะได้รับปริมาณเส้นใยอาหารทั้ง 2 ชนิด ในสัดส่วนที่เหมาะสม คือ
- ควรกินข้าวเป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ หรือผลิตภัณฑ์จากข้าวที่ไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮลวีต (ซึ่งมีกากใยอาหารมากกว่าขนมปังขาวถึง 3 เท่า)
- กินผักผลไม้ให้มาก ๆ และกินพืชตระกูลถั่วให้หลากหลาย
- ควรกินผลไม้ทั้งเปลือก เช่น แอปเปิ้ล องุ่น ฝรั่ง
- กินผลไม้สดหรือผลไม้ปั่นแทนการดื่มน้ำผลไม้คั้น (ส้มสด 1 ผล มีกากใยอาหารมากกว่าน้ำส้มคั้นถึง 6 เท่า)
- พยายามกินผักที่กินทั้งต้นและก้านได้ให้มากขึ้น เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง
- เติมถั่วต่าง ๆ ลงในอาหาร เช่น ในสลัด ต้มจืด หรือแกงต่าง ๆ
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะเส้นใยอาหารจะทำงานได้ดีต้องมีน้ำช่วย
- สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับการกินผักสด ผลไม้มาก ๆ มาก่อน ควรจะเพิ่มปริมาณอาหารที่มีกากใยทีละน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารเกิดอาการปั่นป่วน
เห็นไหมว่า เส้นใยหรือไฟเบอร์นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายขนาดไหน ดื่มน้ำผัก ผลไม้ครั้งต่อไป เลือกดื่มแบบที่ได้เส้นใย หรือไฟเบอร์ หรือทานสด ๆ กันดีกว่า
ผู้เขียนเห็นทั้งร้านขายน้ำผลไม้แยกกากทีไรนึกเสียดายของดี ๆ ทุกที ทานเส้นใยหรือไฟเบอร์สม่ำเสมอ เพียงแค่นี้เราก็จะมีระบบขับถ่ายที่มี ปราศจากปัญหา ท้องผูก อึดอัดเพราะถ่ายไม่ออก โรคริดสีดวงทวารหนัก และโรคอื่น ๆ จากระบบลำไส้ เริ่มใส่ใจกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยกันเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพของเราเอง และคนที่เรารัก
อย่าลืมประโยคสำคัญที่ว่า You are what you eat กันนะคะ




กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday