มูลค่าของ ชีวิต อย่าหนีนะ ไอ้เด็กขี้ขโมย
| |
| |
|
เกร็ด
- เรื่องนี้มีจริงไม่จริงไม่รู้ แต่คำว่า "เดชา ทองวิจิตร" นี้เป็นคำที่ถูกค้นหามาก... แต่เท่าที่ตรวจสอบได้ ไม่ปรากฎชื่อ นายแพทย์ เดชา ทองวิจิตร ในทะเบียนผู้ประกอบโรคศิลป์ ของแพทยสภาแต่อย่างใด คาดว่านี่อาจจะเป็นชื่อของผู้แต่ง ที่มีความฝันอยากจะเป็นหมอก็ได้
- จริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นจาก "ขายหัวเราะ" เคยอ่านผ่านตามานานแล้ว
- จริงไม่จริง ก็ให้ข้อคิดที่ดีกับพวกเรา.. และดูเหมือนจะหายไปจากจิตใจของคนไทยพอควร.. {รับสิ่งใหม่แต่อย่างทิ้งสิ่งเดิม นะ ,,^v^,}
- " ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องแต่งผมก็พอจะปลื้มอยู่บ้าง แต่ถ้าหลอกให้เข้าใจผิดว่ามีอยู่จริง แต่มันเป็นแค่เรื่องแต่ง ผมไม่อาจปลื้มได้หรอกนะ "— ท่านผู้นั้น
- ลองเทียบกันดูแล้ว เนื้อหาของเรื่องนี้คล้ายกับนมสดหนึ่งแก้วมาก แต่เราจะรู้สึกว่านมสดหนึ่งแก้วมีคุณค่าน่าเทิดทูนกว่า ทำไม? เพราะนมสดหนึ่งแก้วไม่พยายามให้คุณเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องจริง นมสดหนึ่งแก้วใช้มุมมองบุคคลที่สามเล่าเรื่องด้วยสำนวนเรียบง่าย เพื่อสื่อสารให้เข้าใจถึงประโยชน์ของการทำดี แต่เรื่องนี้ใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่งและใช้สำนวนเพื่อบีบอารมณ์ของคนอ่านมากกว่า ในฐานะเรื่องจรรโลงใจแล้ว การกระทำนี้ไม่เป็นการเคารพมโนธรรมของคนอ่านเลย - สาวน้อยจอมเวทย์
คัดลอกจากความคิดเห็นจากเว็บหนึ่ง
เดี๋ยวนี้มีกระแส ฟอร์เวิร์ดเมล์เรื่องความซาบซึ้งตราตรึงใจ ปาฏิหารย์เยอะขึ้นทุกวัน แทบเชื่อถือไม่ได้ทั้งนั้นค่ะ เชื่อว่ามีเรื่องจริงบ้าง แต่คงน้อยนิดเมื่อเทียบกับปริมาณเรื่องแต่งขึ้น เพื่อนชะนีเดี๊ยนทะเลาะกับเดี๊ยนเป็นประจำ หาว่ากร้านโลก ไม่มีหัวใจ ลองคิดตามโอกาสความน่าจะเป็นสิคะ วิเคราะห์เป็นส่วนๆ- แม่เจ้าของเรื่องพบกับหมอเด็กขี้ขโมยในอดีต โดยที่ไม่มีการติดต่อก่อนหน้านี้- จบแพทย์ไม่ใช่ทำได้ทุกด้านนะคะ มันต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ซึ่งมีสาขาเยอะมาก แล้วหมอคนนั้นดันเลือกเรียนต่อเฉพาะทางด้านประสาทศัลยฯ ตรงเป๊ะกับโรคแม่พอดี- หากเด็กคนนั้่นประสบความสำเร็จในชีวิตจากการค้าขาย เป็นเถ้าแก่ ดิฉันว่าพอเป็นไปได้ แต่ชีวิตลำบากขนาดนั้น ไม่อยากเชื่อค่ะว่าสามารถเรียนแพทย์ หาเช้ากินค่ำแล้วจะมีเวลาที่ไหนไปท่องหนังสือยากๆ ทำคะแนนสูงๆ เพื่อเข้าเรียนแพทย์ แถมเข้าได้แล้วค่าใช้จ่ายก็สูงลิ่ว หรือใครจะแถว่าอาจได้ทุนหรือโชคดีมีคนรับไปอุปการะก็ได้นะคะ เชิญต่อยอดกันตามสบาย-นี่ ยังไม่นับเรื่องความสัมพันธ์กับเหตุการณ์และเวลาอีก กว่าจะจบหมอเฉพาะทางใช้เวลานานมากคะ เรียนแพทย์ 6 ปี ใช้ทุน 0-3 ปีแล้วแต่สาขาที่เลือกเรียนต่อ ถึงจะต่อเฉพาะทางได้อีก2ปี ไม่ใช่เรียนมหาลัย 4 ปีจบเป็นหมอใหญ่ผ่าสมองได้นะคะเธอ แต่ดูเหมือนเจ้าของเรื่องเพิ่งจบป.ตรีได้ไม่นาน ขัดแย้งกับระยะการศึกษาของเด็กคนนั้นที่เป็นแพทย์ประสาทศัลยฯ
มันจะบังเอิญไปหมดทั้ง 4 ประเด็นนี้เชียวหรือคะ?
เข้า ใจว่าคนแต่งคงอยากถ่ายทอดเจตนารมณ์อันดีงามผ่านตัวอักษรเพื่อจรรโลงสังคม แม้เป็นเรื่องสมมติแต่อ่านแล้วทำให้รู้สึกโลกมันน่าอยู่ขึ้น ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร แต่ที่เดี๊ยนเป็นห่วงคือ ยังมีคนอีกมากไม่รู้จัก "คิดเชิงวิพากษ์" การวิพากษ์ไม่ใช่การจับผิด แต่คือการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ไม่งั้นให้อ่านอะไรก็เชื่อตาม ๆ กันหมด ถ้าไม่หัดอ่านแล้ววิพากษ์ตั้งแต่เรื่องแค่นี้ อีกหน่อยต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่จากข้อมูลที่ได้ยินได้เห็นมา อาจเกิดปัญหาจากการเป็นคนเชื่อไปหมดทุกอย่าง
ความคิดเห็นของดิฉันไม่ได้มีเจตนาประกาศกร้าว ขวางโลก หรือสวนความรู้สึกทุกท่านในกระทู้ แค่อยากบอกว่า ซึ้งได้ อิ่มเอิบใจได้ แต่อ่านอย่างมีวิจารณญาณ รู้เท่าทันตัวหนังสือ ที่สำคัญลงมือทำจริงดีที่สุดค่ะ คุณจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ ไม่ได้บ่งชี้ว่าคุณเป็นคนดีเท่ากับการกระทำค่ะ
เป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ถูกแชร์ ถูกส่งต่อกันอย่างมากมายในสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับเรื่องราวของคุณหมอคนหนึ่ง ที่ผ่าตัดเนื้อร้ายให้กับหญิงคนหนึ่ง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว... ซึ่งคุณหมอคนดังกล่าว มีชื่อว่า "นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร" แต่ถึงแม้ว่า จะไม่ทราบว่าผู้บอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นใคร และเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ส่วนนายแพทย์เดชา ทองวิจิตร นั้น จะเป็นเพียงตัวละคร หรือเป็นนายแพทย์ที่มีตัวตนจริง ๆ แต่เรื่องราวดี ๆ เรื่องนี้ ก็ทำให้คนที่ได้อ่านรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก แถมได้ข้อคิดหลายอย่างเลยทีเดียว...
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!