ฮิตกันเหลือเกินสำหรับการทำสปา ไม่ว่าหญิงหรือชายก็ชอบไปกันสุดๆ ทั้งสปาของจริงและสปาแบบนวด คลึงตรึงอารมณ์ ฮอตไปซะทุกอย่าง ล่าสุด! นิตยสารทราเวล แอนด์ ลีเชอร์ เผยรายชื่อ 10 สปาแปลกที่สุดในโลก (world’s strangest spas)
เผย 10 สปาแปลกที่สุดในโลก
ฮิตกันเหลือเกินสำหรับการทำสปา ไม่ว่าหญิงหรือชายก็ชอบไปกันสุดๆ ทั้งสปาของจริงและสปาแบบนวด คลึงตรึงอารมณ์ ฮอตไปซะทุกอย่าง ล่าสุด! นิตยสารทราเวล แอนด์ ลีเชอร์ เผยรายชื่อ 10 สปาแปลกที่สุดในโลก (world’s strangest spas)
1.โชโดวาร์ เบียร์ เวลล์เนส แลนด์(Chodovar Beer Wellness Land), สาธารณรัฐเช็ก เนื่องจากสปาแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในโรงผลิตเบียร์ไฮไลต์เด็ดของที่นี่จึงอยู่ที่การนอนแช่ตัวในดาร์กเบียร์หรือเบียร์ดำ ผสมน้ำแร่และยีสต์เบียร์ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรรอบแห้ง 7 ชนิด ซึ่งจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ ผ่อนคลายกล้มเนื้อ ช่วยบำรุงและรักษาปัญหาต่าง ๆ บนผิวหนัง อาทิ สิว โรคสะเก็ดเงิน (เรื้อนกวาง) เป็นต้น ทรีตเม้นท์ของที่นี่เริ่มจากการแช่ตัวในอ่างเบียร์ที่มีอุณหภูมิ 34 องศาเซลเซียส นานประมาณ 20 นาที แล้วต่อด้วยการนอนห่มตัวในผ้าห่มขนแกะอีกประ 25 นาที นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีบริการนวดตัวและเท้าให้เลือกหลายรูปแบบอีกด้วย
2.บริการนวดแผนไทย ณ ทัณฑสถานหญิง จ.เชียงใหม่ ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยเดินทางไปเยือนทัณฑสถานหญิง เชียงใหม่ เพื่อขอใช้บริการนวดแผนไทยและนวดฝ่าเท้าจากผู้ต้องขังหญิงที่ผ่านการฝึกวิชาชีพหลักสูตรนวดแผนไทย โครงการฝึกวิชาชีพดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนบำบัด ฟื้นฟู และแก้ไขพฤติกรรมนิสัยผู้ต้องขังที่ทางทัณฑสถานจัดทำขึ้น เพื่อให้ผู้ต้องขังออกไปประกอบอาชีพและดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างยั่งยืน โดยไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำ ที่นี่คุณจะถูกนวดโดยผู้ต้องขังหญิง ภายในห้องนวดที่กว้างขวาง และดูสะอาดตา จนคุณลืมไปเลยว่ากำลังนอน (หรือนั่ง) นวดอยู่ภายในเขตเรือนจำ
3. เมส์ อุย สปา เทรน (Mais Oui Spa Train) แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา บูติคสปาแห่งนี้ตั้งอยู่บนโบกี้รถไฟเก่าแก่สมัยเมื่อปี ค.ส.1920 (พ.ศ.2463) ซึ่งจอดแน่นิ่งอยู่ภายใน “แคลิสโตก้า เทรนดีโป้” ในนาปา วัลเลย์ มลรัฐแคลิฟอร์เนียdd สปารถไฟ “เมส์ อุย” เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว ภายใต้แนวคิด “สปาระดับเวิลด์คลาสในราคาติดดิน” ภายในมีเพียง 3 เคบิล หรือ 3 ห้อง รองรับผู้ใช้บริการได้ครั้งละไม่เกิน 6 คน จึงต้องโทรนัดหมายก่อนใช้บริการ
4. สปาลอยน้ำโบทา โบทา (Bota Bota) แคนาดา ที่ “โบทา โบทา” คุณจะได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าท่ามกลางเสียงคลื่น และสปาแห่งนี้ตั้งอยู่บนเรือลำเก่าที่สร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1960 (พ.ศ.2503) ซึ่งได้รับการแปลงโฉมใหม่จนกลายเป็นสปาสุดหรูนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 (พ. ศ.2551) เป็นต้นมา เรือสปาดังกล่าวจอดให้เมืองมอนทรีออล โดยมีโปรแกรมยอดนิยม คือ “วอเตอร์ เซอร์กิต” ซึ่งเป็นการแช่ อาบ และอบตัว ในอ่างสปา ฝักบัว ซาวน่า และสตีมบาธ ตามด้วยการนวดตัวซึ่งมีให้หลายรูปแบบด้วยกัน หลังจากนั้นลูกค้ายังสามารถออกมานั่งพักผ่อนพลางชมวิวเมืองสวย ๆ บนเปลญวนที่ทางสปาจัดเตรียมไว้ให้บนเรืออีกด้วย
5. ฟาร์มกินพืชเนื้อ (Carivorous Plant Farm) ของ “เอด้า บาร์ค” ที่อิสราแอล ในขณะที่คนส่วนใหญ่มักขนลุกขนพองและรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นงูเลื้อยมาอยู่ตรงหน้า แต่ที่ประเทศอิสราแอล ซึ่งเป็นที่ตั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ กลับมีสปาแห่งหนึ่งนำงูนานาชนิดมา “เลื้อยบำบัด” ตามลำตัวและใบหน้าของผู้ใช้บริการ สปางูแห่งนี้เป็นของนางเอด้า บารัค หากคุณกล้าเข้าไปขอใช้บริการ เธอจะนำงูไม่มีพิษมาวางลงบนลำตัวของคุณ แล้วปล่อยให้พวกมันเลื้อยไปตามแผ่นหลัง ขา ท้อง เส้นผม และบนใบหน้า งูเหล่านี้จะมีขนาดและหน้าที่ แตกต่างกัน โดยงูตัวใหญ่จะทำหน้าที่บีบรัดตามลำตัว ส่วนงูตัวเล็กซึ่งให้สัมผัสที่อ่อนโยนกว่าจะช่วยนวดบริเวณใบหน้าแต่ทั้งนี้ไม่ต้องกลัวว่าน้องงูจะเลื้อย รัด (หรือกัด) ผิดที่ผิดทาง เพราะนางบารัค จะคอยกำกับดูแลการเลื้อยของงูอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
6. กาโลส เคฟส์ (Galos Caves) ชิคาโก นับเป็นความโชคดีของชาวชิคาโกที่ไม่ต้องเดินทางไปเที่ยวชม "ถ้ำเกลือ" ไกลถึงประเทศโปแลนด์ เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านสปาเกลือจากโปแลนด์และยูเครนได้ขนเกลือโครเมียมจากทะเลดำ ซึ่งมีสีชมพูและมีสรรพคุณทางการแพทย์ มาก่อสร้างถ้ำเกลือไอโอดีนที่ชิคาโก โดยเปิดบริการเมื่อปี ค.ศ.2005 (พ.ศ.2548) ซึ่งถือเป็นถ้ำเกลือแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา ทรีทเมนท์ชั้นเบสิกของที่นี่จะใช้เวลาราว 45 นาที ส่วนวิธีการนั้นก็ไม่ยุ่งยากสามารถทำได้พร้อมกันทั้งครอบครัว เพียงแค่เข้าไปนั้งพักผ่อนบนม้านั่งยาวภายในถ้ำ พลางฟังเพลงที่เปิดขับกล่อมแบบเบาๆ และสูดอากาศที่มีเกลือเข้าไป ซึ่งจะช่วยบำบัดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายอาหาร, ทางเดินหายใจ, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคผิวหนัง, ไขข้อ, ระบบประสาท, ภูมิแพ้, และความดันโลหิตสูง
7.นิวยอร์ก สปา คาสเซิล (New York Spa Castle) กรุงนิวยอร์ก โดยส่วนใหญ่เรามักจะใช้เวลาสปาเพียง 1-2 ชั่วโมง เท่านั้น แต่ที่ “สปา คาสเซิล” ในกรุงนิวยอร์ก คุณสามารถพักผ่อนอยู่ที่นั่นได้ทั้งวัน เพราะมี ทั้งหมด 5 ชั้น เนื้อที่กว้างขวางมากถึง 100,00 ตารางฟุต (กว่า 9 พัน ตร.ม.) ภายในประกอบด้วย สระว่ายน้ำ(หลายสระ), ห้องนวด, ห้องเสริมสวย, ห้องพักผ่อน, ศูนย์อาหาร และภัตตาคาร เป็นต้น สปาแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากโรงอาบน้ำสาธารณะของเกาหลี (จิมจิลบัง) เมื่อติดต่อขอใช้บริการคุณจะได้รับเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น พร้อมสร้อยข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ สำหรับใช้แทนกุญแจล็อกเกอร์และบัตรค่าใช้จ่าย จากนั้นจึงไปอบไอน้ำในห้องสตีมรูมและอาบน้ำก่อนเป็นลำดับแรก (เปลือยกาย แยกชาย-หญิง) หลังเสร็จขั้นตอนนี้แล้วจึงค่อยไปนอนแช่อ่าง ลงสระว่ายน้ำ หรือใช้บริการอื่นๆ ซึ่งไม่ต้องเปลือยกายอีกต่อไป จึงสามารถใช้บริการร่วมกันได้ทั้งชาย-หญิง
8. มาเรียนโครน (Marienkron) ออสเตรีย สปาแห่งนี้เปิดบริการโดยเหล่าบรรดาซิสเตอร์หรือแม่ชี ซึ่งในอดีตเคยทำธุรกิจฟาร์มไก่ แต่หลังเลี้ยงไก่แล้วไม่รุ่ง จึงหันมาเอาดีกับการเปิดศูนย์สุขภาพ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) เป็นต้นมา ทรีทเมนท์เด็ดของที่นี่คิดค้นโดยบาทหลวงสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเลือกนำน้ำแร่เย็นจัดมาฉีดตามลำตัวผู้เข้ารับการบำบัดผ่านทางสายยางแรงดันสูง เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยและช่วยกระตุ้นการทำงานของผิวหนัง นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมนวดกระตุ้นระบบการไหลเวียนของน้ำเหลือง, การทำงานของลำไส้ใหญ่ ฯลฯ และคลาสฟิตเนส ซึ่งจะมีการฝึก “ชี่กง” ให้ผู้สนใจด้วย
9.สปาใต้น้ำไลม์ สปา (Lime Spa) มัลดีฟส์ มัลดีฟส์มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องบังกะโลหรู เหนือผิวน้ำที่มีพื้นเป็นกระจกใสและภัตตาคารใต้น้ำ แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจและมีความโดเด่นไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “สปาใต้น้ำแห่งแรกในโลก” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรีสอร์ท “ฮูวาเฟน ฟูชิ มัลดีฟส์” ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะมาเล่ สปาใต้น้ำห่างนี้อยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติมาเพียง 30 นาที(ในกรณีที่เดินทางโดยสปีดโบ๊ท) ที่นี่จะมีปลาและสัตว์นานาชนิดแวะเวียนมาทักทายและจ้องมองในระหว่างที่คุฯกำลังทำทรีทเมนท์ ซึ่งมีรายการให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการนวดตัวและศีรษะแบบอโรมา การขัดผิวด้วยเกลือทะเล และการนวดตัวด้วยน้ำมันสมุนไพร เป็นต้น
10. เดอะ สปา แอท เดอะ ไฟเออร์เฮ้าส์( The Spa at The Firehouse) รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา เมื่อกว่า 100 ปีก่อน สถานีดับเพลิงแห่งนี้มีม้าฝีเท้าดีประจำการอยู่ 2 ตัว ม้าทั้ง 2 ตัวนี้มีชื่อว่า "เเจ็ค" ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่ลากรถ (เกวียน) ดับเพลิงเวลาเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย ยังคว้าเเชมป์ลากรถดับเพลิงมาแล้วหลายรายการด้วยกัน ปัจจุบันสถานีดับเพลิงแห่งนี้ไม่มีม้ามาประจำการแล้ว เเต่ยังคงเปิดให้บริการภายใต้รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเดิมๆ เพียงแต่เปลี่ยนหน้าที่จากดับไฟ มาช่วยดับความเครียดเสริมสร้างความงามแทน