ในขณะที่หลายประเทศกำลังแข่งขันกันออกโครงการลดการสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย ที่สั่งห้ามการพิมพ์โลโก้บนซองบุหรี่ ส่วนไทยเองก็กำลังเคลื่อนไหวให้มีการเพิ่มขนาดภาพคำเตือนน่ากลัวบนซองบุหรี่ กลับมีอยู่ประเทศหนึ่งที่กำลังก้าวล้ำหน้าไปกว่าประเทศอื่นหลายเท่า นั่นก็คือไอร์แลนด์ ที่ประกาศตัวว่าจะเป็นประเทศปลอดบุหรี่ภายในปี 2025 หรือในอีก 12 ปีข้างหน้า
กระทรวงสาธารณสุขของไอร์แลนด์ให้คำจำกัดความของคำว่า "ประเทศปลอดบุหรี่" หรือ Tobacco Free Country ว่าไม่ได้หมายถึงการห้ามสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด 100% แต่เป็นการตั้งเป้าว่าไอร์แลนด์จะมีประชากรที่สุบบุหรี่เป็นประจำเพียง 5% จากประชากรทั้งหมด ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ไกลเกินฝัน เพราะตอนนี้คนไอริชที่สูบบุหรี่มีอยู่เพียง 22% และอัตราการบริโภคบุหรี่ต่อหัวของประชากรก็ไม่มากมาย อยู่ในอันดับที่ 53 ของโลก
สำหรับยุทธศาสตร์ที่จะนำไปสู่การรณรงค์ให้คนเลิกสูบบุหรี่จนเหลือเพียง 5% ของประชากร รัฐบาลไอร์แลนด์ออกนโยบาย 60 ข้อสำหรับใช้ใน 12 ปี อันดับแรกก็คือการขึ้นราคาบุหรี่ และจำกัดจำนวนร้านค้าที่สามารถขายบุหรี่ได้ ยกเลิกเครื่องขายบุหรี่อัตโนมัติ รวมถึงการห้ามสูบบุหรี่ในรถที่มีเด็ก และการจับปรับทันทีสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ
อันที่จริงการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่เริ่มมานานกว่า 10 ปีแล้วในไอร์แลนด์ โดยไอร์แลนด์เป็นประเทศแรกในโลก ที่ห้ามการสุบบุหรี่ในที่ทำงาน ร้านอาหาร และไนต์คลับอย่างเด็ดขาดตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งกฎหมายนี้ได้ผลเป็นอย่างมาก โดยมีอัตราการฝ่าฝืนเพียง 3% เท่านั้น
การออกกฎหมายต่อต้านการสูบบุหรี่อย่างเข้มงวดขนาดนี้ อาจจะเป็นที่ชื่นชอบของคนที่ไม่สูบบุหรี่ แต่บรรดานักสูบจำนวนมากมองว่ากฎหมายเหล่านี้กลายเป็นการทำให้การสูบบุหรี่เป็นเรื่องผิดประหลาดในสังคม และละเมิดสิทธิเสรีภาพของพวกเขา ซึ่งก็คงต้องชั่วน้ำหนักว่า กฎเกณฑ์แบบไหนจึงจะเข้มงวดพอสำหรับการไปสู่เป้าหมายที่ทะเยอทะยานอย่างการทำประเทศให้ปลอดบุหรี่ แต่ก็ไม่ละเมิดเสรีภาพของผู้รักการสูบด้วยในขณะเดียวกัน