พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เจ้าหญิงนักกีฬา-ดีไซเนอร์ ความสำเร็จ...ที่ไม่มีทางลัด
หลังการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 23 ณ ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อ 8 ปีก่อนจบลงอย่างเป็นทางการ
ภาพจำของ "พระเจ้าหลานเธอ" จากสายตาประชาชนชาวไทยในฐานะ "เจ้าหญิงนักกีฬา" คงอยู่ในความทรงจำของคนไทย
ตามมาด้วยเส้นทางสายใหม่ในบทบาทของ "เจ้าหญิงดีไซเนอร์" อย่างเต็มตัว
ด้วยการตัดสินใจเดินทางไปศึกษาต่อด้านแฟชั่นอย่างจริงจังถึงสถาบันการออกแบบและตัดเย็บแห่งกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พร้อมทั้งยังทรงนำเสนอผลงานด้านแฟชั่นดีไซน์ออกสู่สายตาสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะมีผลงานชิ้นใหม่ออกมาให้ชมกันช่วงต้นปีหน้า
ด้วยความสนใจด้านกีฬาของพระองค์ยังคงไม่จางหาย ประกอบกับฝรั่งเศสเป็นประเทศที่นิยมชื่นชมกีฬาไม่แพ้แฟชั่นและศิลปะ ทำให้ชีวิตการร่ำเรียนยังต่างแดนของพระองค์ไม่อาจตัดขาดจากวงการกีฬาได้สนิท จนต้องหวนคืนสู่บทบาทของเจ้าหญิงนักกีฬาอีกคำรบหนึ่งในช่วงเวลาปัจจุบัน
โดยการกลับเข้าสู่วงการกีฬาครั้งนี้ของพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ต่างจากเมื่อ 8 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิง

เพราะครั้งนี้พระองค์ไม่ได้มาในฐานะนักกีฬาแบดมินตันเหมือนเมื่อครั้งที่เคยคว้าเหรียญทองซีเกมส์ประเภททีมที่ฟิลิปปินส์ หากแต่ทรงกลับมาในบทบาทนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย ประเภทศิลปะการบังคับม้า นำทีมสู้ศึกซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่กำลังจะเกิดขึ้นช่วงเดือนธันวาคม ณ ประเทศเมียนมาร์
พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ประทานสัมภาษณ์ถึงสาเหตุการเปลี่ยนชนิดกีฬาจากแบดมินตันมาเป็นขี่ม้าว่า ความจริงก่อนหน้านี้พระองค์ทรงหัดขี่ม้ามาตั้งแต่พระชันษา 9 ปี ซึ่งครั้งนั้นเป็นการเริ่มต้นขี่ม้าตาม "พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา" พระองค์หญิงผู้พี่ ก่อนที่จะตัดสินใจเลิกขี่ม้าด้วยเหตุผลแบบเด็ก ๆ คือ "เบื่อ" และเปลี่ยนมาฝึกฝนกีฬาแบดมินตันอย่างจริงจัง จนก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยไปซีเกมส์เมื่อ 8 ปีก่อนได้สำเร็จ
"หลังจากไปเรียนเมืองนอกท่านหญิงก็ได้เข้าสังคมกับเพื่อนที่ฝรั่งเศส ทำให้ได้รู้ว่าเรื่องราวพูดคุยบนโต๊ะอาหารของพวกเขาไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องแฟชั่นหรือศิลปะเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของกีฬาผสมอยู่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฟุตบอล ขี่ม้า และยูโด ซึ่งตัวเราที่มีความสามารถทางด้านขี่ม้าอยู่แล้วจึงรู้สึกอยากลองกลับไปขี่ม้าอย่างจริงจังดูอีกสักครั้งหนึ่ง"

การกลับมาขี่ม้าหลังจากห่างหายไปนานตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของ "ครูแซม-พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเธวา" พร้อมด้วยทีมงานฝึกสอน ทำให้พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์สามารถสัมผัสกับ "เซนส์" ของม้าที่พระองค์ไม่เคยได้พบเจอมื่อครั้งพระชันษา 9 ปี
"ท่านหญิงเป็นคนที่รู้สึกว่าอยากจะทำทุกอย่างให้ออกมาดี อยากรู้อะไรต้องรู้ให้ลึกรู้จริงในศาสตร์แต่ละด้าน เรื่องขี่ม้าก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การขี่เล่น ๆ อยากพัฒนาฝีมือของตัวเองให้ไปได้ไกลที่สุด ซึ่งการขี่ม้าเองก็เป็นกีฬาที่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ไม่มีทางลัด ดังนั้นท่านหญิงจึงตัดสินใจเข้าเรียนต่อด้านการขี่ม้าเต็มตัวที่ฝรั่งเศส หลังจากเรียนจบด้านแฟชั่นแล้ว"

พระองค์หญิงทรงตรัสเพิ่มเติมถึงเสน่ห์ที่ได้รับจากการขี่ม้าจนรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมากคือ "ความแฟร์" เนื่องจากเป็นกีฬาที่มีความสมดุลระหว่างเพศหญิงกับเพศชาย ไม่จำกัดอายุผู้เข้าแข่งขัน อีกทั้งยังมีความเป็นกีฬา "พาร์ตเนอร์ชิป" ที่น่าสนใจในด้านการจัดการเรื่องความสัมพันธ์
"การขี่ม้าเป็นกีฬาที่เราต้องเจอกันครึ่งทางระหว่างคนกับม้า บางครั้งอาจต้องหย่อนบ้างและเฮี้ยบบ้าง เพราะบางทีถ้าเราคุมม้าไม่ดี ม้าจะกลับมาเป็นฝ่ายคุมเรา ท่านหญิงรู้สึกว่าม้าไม่ต่างจากผู้หญิงหรือผู้ชาย มีอารมณ์ขึ้นลง มีทั้งตอนที่อารมณ์ดี อารมณ์ไม่ดี แกเป็นใคร ฉันเป็นใคร ถึงเธอจะเป็นเจ้าหญิง ฉันก็ไม่แคร์หรอกนะ เพราะฉะนั้นต้องมีการทำความเข้าใจ ไว้ใจซึ่งกันและกัน และยังต้องมีความเคารพกันอีกด้วย"
นอกจากนี้ พระองค์ยังมองว่ากีฬาขี่ม้าประเภทศิลปะการบังคับม้าเป็นศาสตร์ที่มีความเป็น "ศิลปะ" อย่างชัดเจน การควบคุมม้าให้เคลื่อนไหวไปในท่วงท่าที่คล้ายคลึงการเต้นระบำ ให้ความรู้สึกที่ไม่ต่างจากการทำงานแฟชั่นเลยแม้แต่น้อย ทำให้รู้สึกว่าได้ทำงานศิลปะทุกครั้งที่อยู่บนหลังม้า
"อีกอย่างการขี่ม้าประเภทนี้ยังเป็นพื้นฐานของการขี่ม้าทุกชนิด เหมือนกับการวาดรูป ถ้าเราไม่เริ่มจากจุดลงไปในกระดาษก็เริ่มไม่ได้ ที่สำคัญตอนนี้เราก็อายุ 27 ปีแล้ว ควรจะทำอะไรจริงจังได้แล้ว แต่คงไม่พ้นการขี่ม้า แฟชั่น และศิลปะ"

อย่างไรก็ตาม การกลับมาขี่ม้าอีกครั้งของพระองค์ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่ใครหลายคนคาดคิด เพราะหลังจากเริ่มเรียนขี่ม้าได้ไม่นาน พระองค์ได้เกิดอุบัติเหตุตกม้าจนฝ่าพระบาทแตก ต้องเข้ารับการรักษาอยู่นานถึง 6 เดือน และยังต้องเข้ารับการฟื้นฟูร่างกายต่ออีก 3 เดือน จึงจะทรงกลับมาขี่ม้าได้เป็นปกติอีกครั้ง
"อุบัติเหตุในครั้งนั้นเมื่อทูลกระหม่อมพ่อ (สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร) ทราบ ท่านก็ทรงช็อกไปเลยนะ (หัวเราะ) ก่อนที่จะมานั่งคุยกันว่าจะเอายังไงต่อไปดีกับการรักษาและการขี่ม้าของท่านหญิงในอนาคต อีกอย่างท่านก็รู้สึกว่า การขี่ม้าเป็นกีฬาที่หนัก เพราะเกี่ยวพันกับชีวิตอีกหนึ่งชีวิตที่มีอารมณ์ความรู้สึกหลากหลายกว่ากีฬาชนิดอื่น ๆ"
ระหว่างการพักฟื้นร่างกายช่วงบาดเจ็บจนถึงการเตรียมตัวฝึกซ้อมกว่า 1 ปี เพื่อเข้าแข่งขันซีเกมส์ที่เมียนมาร์ องค์หญิงทรงตรัสว่า เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและต้องสู้กับตัวเองสูงมาก เพราะพระองค์ทรงเลือกที่จะดูแลตนเองเพียงลำพังโดยที่ไม่ต้องการพึ่งใคร จนหลายครั้งที่มีความรู้สึกสับสนแปรปรวนจากความรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แบบปกติ
"ท่านหญิงเป็นผู้หญิงก็ต้องอยากใส่ส้นสูงสวย ๆ แต่พอใส่ไม่ได้ก็ต้องหงุดหงิดบ้างเป็นธรรมดา (หัวเราะ) แต่ก็ถือว่าโชคดีเพราะพระบาทแตกรอบนี้ทำให้ได้รับการฟื้นฟูร่างกายจนรู้สึกว่าแข็งแรงมากกว่าเดิมเสียอีก มีบาลานซ์ดีขึ้นกว่าเดิม เรื่องของการทำสมาธิก็ดีขึ้นมาก"

แม้พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักสู้ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค แต่พระองค์ก็ได้ทรงยอมรับว่า เคยมีช่วงเวลาที่เกือบยกธงขาวยอมแพ้เหมือนกัน นั่นคือตอนที่ทรงกำลังศึกษาต่อด้านแฟชั่นที่ฝรั่งเศส เพราะติดปัญหาหลาย ๆ ด้าน จนถึงกับต้องโทรศัพท์พูดคุยปรึกษากับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
"ครั้งนั้นทูลกระหม่อมพ่อบอกมาคำเดียวว่า ให้เวลาไปคิดใหม่ 1 ชั่วโมง ซึ่งเราก็คิดได้เองว่ายังไงก็ต้องเรียนต่อให้จบ จะได้ไม่มีใครมาพูดได้ว่าเจ้าหญิงจากประเทศแดนไกลเป็นยังไง ไม่อยากให้โดนถูก อีกอย่างเราเป็นลูกทูลกระหม่อมพ่อด้วย อยากให้มันดีที่สุดเลยมีลูกฮึดขึ้นมาอยู่สู้ต่อ ซึ่งช่วงเวลาที่เรียนขี่ม้าก็คิดแบบนี้เหมือนกันจึงผ่านมาได้"
สำหรับการลงชิงชัยในสังเวียนขี่ม้า "เนย์ปิดอว์เกมส์" พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ทรงยอมรับว่าคงไม่คาดหวังในเรื่องเหรียญรางวัล เนื่องจากไม่ต้องการกดดันตัวเองมากเกินไปยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ อีกทั้งม้าที่ใช้ในการแข่งขันยังเป็น "ม้ากลาง" จากประเทศเมียนมาร์ ทำให้การแข่งขันในครั้งนี้ยากกว่าที่เคยผ่านมาเป็นพิเศษ โดยในเฉพาะในส่วนของการทำความคุ้นเคยกับม้าที่จะจับสลากได้ในการแข่งขัน
"เอาเป็นว่าการแข่งขันครั้งนี้คิดเพียงแค่ว่า เราจะทำให้ดี คุมสติ มีสมาธิ อยู่กับปัจจุบันให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้" พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ตรัสปิดท้าย 
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday