พบต้นตอไขมันอุดตันในเส้นเลือด
"พบกลไกสำคัญ"
ความฝันที่จะขจัดไขมันอุดตันในเส้นเลือดคงอยู่อีกไม่ไกล เมื่อคณะนักวิจัยจากแดนมะกันสามารถค้นพบกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด และยังอาจนำสู่หนทางในการรักษาและป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองตีบและโรคหัวใจในอนาคต
เมื่อคนเรามีคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดมากเกินไป เซลล์ซึ่งมีชื่อว่ามาโครเฟจส์ก็จะจับตัวกับคอเลสเตอรอลและพยายามดึงเอาไขมันออกมาจากกระแสเลือด แต่เนื่องจากไขมันมีปริมาณมากเกินไปทั้งยังเกาะตัวกันแน่น ดังนั้นเซลล์อย่างมาโครเฟจส์จึงไม่สามารถดึงไขมันออกมาได้และตายในทีสุด และการตายของมาโครเฟจส์เซลล์นี่เองที่เป็นสาเหตุของไขมันอุดตันในเส้นเลือด
ดร. อีรา ทาบาส และคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในนิวยอร์ก กล่าวถึงการค้นพบกลไกสำคัญครั้งนี้ว่า การที่ไขมันจะอุดตันในเส้นเลือดนั้นจำเป็นจะต้องมีคอเลสเตอรอลในปริมาณสูง และถ้าเราต้องการจะลดการอุดตัน ก็หมายความว่า เราต้องลดปริมาณคอเลสเตอรอลให้น้อยลง แต่การรักษาด้วยวิธีนี้จะลดความเสี่ยงจาการเป็นโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดในสมองตีบได้เพียง 30 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
"ป้องกันไม่ให้จับตัวกับไขมัน"
อันที่จริงเมื่อ 40 ปีก่อนวงการแพทย์ได้พัฒนายาขึ้นมาตัวหนึ่งคือ ยู18666เอ เพื่อป้องกันไม่ให้มาโครเฟจส์เซลล์จับตัวกับไขมันและป้องกันการอุดตันในผนังเส้นเลือด ซึ่งทาบาส เชื่อว่ายาตัวนี้สามารถหยุดยั้งการตายและการอุดตันของมาโครเฟจส์เซลล์ได้
เมื่อมาโครเฟจส์เซลล์จับตัวกับอนูของคอเลสเตอรอล อณูเล็กๆ เหล่านั้นก็จะเคลื่อนย้ายเข้าไปในเซลล์ เรียกกันว่าเอ็นโดพลาสมิค เรติคูลัม ซึ่งเป็นกรรมวิธีสร้างโปรตีนของเซลล์ เพื่อให้เซลล์มีชีวิตรอดและปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้ แต่การมีคอเลสเตอรอลมากเกินไปทำให้กระบวนการเอ็นโดพลาสมิค เรติคูลัม ทำงานไม่ปกติ จนทำให้เซลล์ตาย ดังนั้น เราจึงต้องนำยาดังกล่าวมายับยั้งไม่ให้คอเลสเตอรอลเข้าไปในเซลล์ ทาบาส กล่าว
"ใช้น้อยๆ อาจป้องกันคอเลสเตอรอล"
"ยาตัวนี้ถูกคิดค้นขึ้นระหว่างปลายทศวรรษที่ 1950 ถึงต้นทศวรรษที่ 1960 หรือราว 40 กว่าปีก่อน แต่ถึงแม้ยาที่ว่าจะใช้ได้ผลดี แต่มันก็ใช้ได้ดีกับเฉพาะในสัตว์ ทั้งยังเกิดผลข้างเคียงโดยทำให้สัตว์ที่ถูกนำมาทดลองเป็นต้อกระจก ดังนั้น จึงไม่มีการพัฒนายาตัวนี้ต่ออีกเลย
อย่างไรก็ตาม ทาบาสพบว่า การใช้ยา ยู18666เอ ในปริมาณน้อยมากๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอลเข้าไปทำลายกระบวนการเอ็นโดพลาสมิค เรติคูลัมของเซลล์ได้ และนี่ก็อาจเป็นวิธีใหม่ที่จะนำมารักษาโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดในสมองตีบก็เป็นได้ และที่สำคัญก็คือ การใช้ยาตัวนี้ในปริมาณน้อยก็เกิดผลข้างเคียงในระดับต่ำ
รายงานการค้นพบนี้ตีพิมพ์ในวารสารโพรซีดดิง ออฟ เนชันแนล อคาเดมี ออฟ ซายส์ แอนด์ เนเชอรัล เซลล์ ไบโอโลจี
แหล่งข้อมูล : บอร์ดรวมเรื่องน่าอ่าน