นอกจาก โรคเอดส์ หนองใน แล้ว ซิฟิลิส (Syphilis) ก็เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่น่ากลัวอีกโรคหนึ่ง ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema Pallidum ที่ว่าน่ากลัวก็เพราะเชื้อจะไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นได้ชัด แต่สามารถติดต่อกันได้ และเป็นเรื้อรังนานกว่า 2 ปีเลยทีเดียว แถมเมื่อรักษาหายแล้ว ยังอาจกลับมาเป็นได้ใหม่ด้วย
สำหรับโรคซิฟิลิสนี้ พบได้ราว 10-15% ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมด และหากใครกำลังสงสัยว่า เราเป็นกลุ่มเสี่ยง หรือมีอาการของโรค ซิฟิลิส หรือไม่ มาทำความรู้จักกับเจ้าโรคนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
โรคซิฟิลิส ติดต่อกันได้อย่างไร
คนเราสามารถรับเชื้อซิฟิลิสได้ 3 ทาง คือ
1. ทางเพศสัมพันธ์ โดยติดต่อผ่านทางเยื่อบุช่องคลอด ท่อปัสสาวะ
2. ติดต่อผ่านการสัมผัสแผลที่มีเชื้อ โดยผ่านทางผิวหนัง เยื่อบุตา ปาก
3. จากแม่สู่ลูก โดยหากมารดาเป็นซิฟิลิส จะถ่ายทอดโรคนี้สู่ทารกในครรภ์ได้ โดยเรียกเด็กที่เป็นซิฟิลิสจากสาเหตุนี้ว่า ซิฟิลิสแต่กำเนิด (Congenital Syphilis) จะแสดงอาการหลังคลอดได้ 3-8 สัปดาห์ และเป็นอาการเล็กน้อยมาก จนแทบไม่ทันได้สังเกต เช่น มีตุ่มผื่นขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มาออกอาการมาก ๆ เข้าเมื่อตอนโต ซึ่งก็เข้าสู่ระยะที่สี่แล้ว หรือบางคนอาจแสดงอาการพิการออกมาให้เห็นได้ชัด
อาการของโรคซิฟิลิส
ซิฟิลิส ส่วนใหญ่มักพบในผู้ชาย โดยผู้ป่วยซิฟิลิสจะมีอาการหลายแบบ ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ซึ่งแบ่งเป็น 4 ขั้น คือ
ระยะแรก Primary Syphilis
เชื้อซิฟิลิสจะเข้าทางเยื่อบุ หรือรอยถลอก รอยแผลที่ผิวหนังซึ่งมักพบที่อวัยวะเพศชาย อัณฑะ ทวารหนัก ช่องคลอด ริมฝีปาก และมักเป็นเพียงแผลเดียว ลักษณะเป็นแผลริมแข็ง คือแผลมีขอบนูนแข็ง แต่ไม่เจ็บ และดูสะอาด ต่อมน้ำเหลืองจะโต
จากนั้นอีก 10-90 วัน หลังจากได้รับเชื้อจะเกิดตุ่มแดงแตกออกเป็นแผลที่อวัยวะเพศ ตรงบริเวณที่เชื้อเข้า แผลที่เห็นจะเป็นอยู่ 1-5 สัปดาห์ แล้วจะหายไปเองได้ แต่แม้แผลจะหายแล้ว ยังคงมีเชื้อซิฟิลิสในกระแสเลือดอยู่ อย่างไรก็ตาม หากผู้ได้รับเชื้อซิฟิลิสเป็นโรคเอดส์อยู่ก่อนหน้า แผลที่ปรากฎจะมีขนาดใหญ่ และกดเจ็บมาก