สัญลักษณ์นิ้วมือในประเทศต่างๆ


อยู่บ้านเรา ถ้าชูนิ้วโป้งก็แปลว่าโกรธแล้ว ถ้ายกนิ้วก้อยก็แปลว่ามาดีกันนะ แต่เมื่อไรที่เราก้าวเท้าออกไปพ้นสุวรรณภูมิ แต่ละนิ้วที่เรายกขึ้นมาจะมีความหมายของมันเอง เมื่อไรที่จะชูต้องคิดให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้นชูนิ้วไปอาจจะได้ก้อนหินลอยมาก็ได้

ท่าชูนิ้วโป้ง

สำหรับบ้านเรากับอีกหลายๆประเทศ นิ้วโป้งหมายถึง “สุดยอด” หรือ “นายแน่มาก” แต่ถ้าไปเผลอยกใส่ใครในญี่ปุ่น นิ้วนี้จะถูกลดความหมายไปทันทีแปลว่า นายก็เป็นได้แค่ที่ 5 เท่านั้นเอง!! เพราะเวลาที่คนญี่ปุ่นเขานับนิ้ว เขาจะเริ่มนับกันที่นิ้วชี้ก่อน ตามด้วยนิ้วกลาง นาง ก้อย แล้วปิดท้ายด้วยนิ้วโป้ง

ส่วนถ้าไปที่ออสเตรเลีย การชูนิ้วโป้งนี่อันตรายมาก เพราะมันมีความหมายหยาบคายทำนอง

“Kiss My Ass” เทียบแล้วก็คือท่าชูนิ้วกลางในบ้านเราขืนไปชมใครด้วยนิ้วนี้ อาจได้รองเท้า (พร้อมเท้า) เป็นรางวัล


ท่าชูสองนิ้วเป็นตัววี

ท่านี้เป็นท่าหากินเวลาถ่ายรูปของเด็กไทยมีชื่อเป็นภาษาสากลว่าสัญลักษณ์แห่งชัยชนะหรือ

“Victory Signal” แต่เชื่อไหมว่าสำหรับชาวอังกฤษ ท่านี้ก็เทียบได้กับชูนิ้วกลางอีกเหมือนกัน ทั้งๆที่ชาวบ้านเขาก็ใช้กันทั้งโลกนี่ล่ะเพราะคนอังกฤษมีอดีตฝังใจกับท่านี้มานานแล้วเดิมชาวอังกฤษเป็นคนริเริ่มทำท่าชูสองนิ้วเป็นเจ้าแรกของโลก โดยเอาแบบมาจากการวางนิ้วเวลายิงธนูของ “กองทหารยิงธนูไกล” ของอังกฤษ กองธนูนี้ยิงทีไรมักจะชนะทุกที ท่ายิงธนูก็เลยถูกเอามาเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ เวลาจะไปรบหรือจะให้กำลังใจใครก็จะชูสองนิ้วกันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่พอมาถึงช่วงปฏิวัติพวกที่ต่อต้านอำนาจของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองซึ่งต้องออกไปสู้ทุกวันก็ชูสัญลักษณ์แห่งชัยชนะกันให้เกร่อไปหมด ความหมายของท่านี้เลยชักเพี้ยนไปเป็นการประท้วงและการต่อต้านไป หนักๆเข้าก็กลายเป็นการด่าอย่างเหยียดหยามไปซะ จนคนอังกฤษเห็นแล้วเกลี๊ยด...เกลียด ใครชูนิ้วใส่เมื่อไรเลือดขึ้นหน้าเมื่อนั้น


ท่าชูนิ้วก้อยและนิ้วโป้ง

ท่านี้มองยังไงก็คล้ายๆสัญลักษณ์คาราบาวบ้านเรา พูดง่ายๆว่าเหมือนหัวควายนั่นแหละ แต่สำหรับภาษาสากลเขากลับแปลว่าไอเลิฟยู ชั้นรักเธอไปซะนี่ แต่ถ้าทำมืออย่างนี้แล้วเอามาวางไว้ที่ปากก็จะหมายถึงโทรศัพท์ นอกจากนี้ในหลายๆประเทศ เพื่อนๆมักจะทำมือแบบนี้ให้กันเพื่อบอกว่า “นายเท่มากเลย” หรือไม่ก็ “ทำตัวตามสบายนะ”


ท่านิ้วชี้กับนิ้วโป้งมาชนกันเป็นรูกลมๆ

คิดว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักท่านี้ใช่ไหม มันคือภาษาใบ้ที่แปลว่า “โอเคนะ” หรือ “ตกลง” แต่ก็ยังอุตส่าห์มีการยกเว้นจนได้สำหรับประเทศผ่าเหล่าผ่ากออย่างอิตาลีใครไปเยือนประเทศนี้ต้องเก็บท่าโอเคนะให้ดีเลย เพราะคนที่นั่นเขาถือว่ามันเป็นการด่ากันแบบไม่ออกเสียงว่า “ไอ้หน้า...” (โปรดเติมคำในช่องว่างเอาเอง) แทนที่ทุกอย่างจะโอเค มันจะกลายเป็นโนเคไปน่ะสิ


ท่าชูนิ้วกลาง

ท่านี้จัดว่าเป็นท่าสิ้นคิด ถ้าไม่รู้จะด่ากันว่าอย่างไรก็งัดท่าทำมาหากินนี่ล่ะ ชูไว้ก่อนเลย! เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่าหมายถึงการให้ของลับของเพศชาย ที่มาของท่าคลาสสิคนี้เกิดขึ้นในสมัยโบราณ ตอนนั้นชาวโรมันเชื่อกันว่าองคชาติของผู้ชายเป็นเครื่องรางที่ใช้สู้กับคำสาปชั่วร้ายได้เวลาชูนิ้วกลางใส่ใครจึงเป็นการข่มขู่คู่ต่อสู้ว่า

“มนต์ดำของแกทำอะไรฉันไม่ได้หรอกน่า” แต่ต่อมาเกิดการเพี้ยนขั้นรุนแรง เลยลืมเรื่องมนต์ดำกันไป กลายเป็นคำด่าล้วนๆ นอกจากนี้ท่าชูนิ้วกล่างนี่ยังได้เกิดในวงการมายาด้วย เมื่อ 423 ปีก่อนคริสตศักราช ละครเวทีเรื่อง

“The Cloulds” ของ “อริสโตฟาเนส” ได้เอาท่านี้ขึ้นไปเล่นกันบนเวที แต่เรียกมันว่าท่า “ดิจิตุส อินฟามุส” มีความหมายประมาณว่าเป็นนิ้วทุเรศ หรือนิ้วทะลึ่ง จากนั้นความหมายของนิ้วกลางก็เลยยิ่งแพร่หลายไปในทำนองหยาบคายมากขึ้นไปอีก


ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร Spicy


สัญลักษณ์นิ้วมือในประเทศต่างๆ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์