แม้สรรพคุณของการดีท็อกซ์ตับที่เล่าลือกันมาจะเลิศเว่อร์จนดูไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้ไม่จริง หรือไม่ดีนะ แต่ทำแล้วดีแค่ไหน? วิธีง่าย ๆ มีไหม? นพ.วัชชิระ ตีระพิพัฒนกุล ผู้อำนวยการศูนย์ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลปิยะเวท มีคำตอบ
ทุกวันนี้ร่างกายคนเรารับสารพิษต่าง ๆ เข้าไปมากมาย ทั้งยาฆ่าแมลง สารกันบูด สารปรุงแต่งในอาหารต่าง ๆ เหล้า บุหรี่ แม้แต่ยารักษาโรคที่กินเข้าไปก็ถือเป็นสารพิษชนิดหนึ่งเหมือนกัน และหน้าที่หนึ่งของ "ตับ" ก็คือทำลายสารพิษ ดังนั้น เมื่อร่างกายมีสารพิษเยอะ ตับก็ต้องทำงานหนัก เราจึงต้องหันมาใจดูแลอวัยวะชิ้นนี้กันสักหน่อย
ตับนั้น...สำคัญไฉน?
หน้าที่ของตับมีมากมายหลายร้อยอย่าง หลัก ๆ ก็จะเกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีน เม็ดเลือด ฮอร์โมน และน้ำดีที่จะช่วยในการย่อยอาหารจำพวกไขมัน การทำลายสารพิษต่าง ๆ ที่รับเข้ามา รวมถึงของเสียที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเอง และการกักเก็บเลือด ไขมัน อาหารไว้ให้ร่างกายใช้ในยามจำเป็น ทำให้เราสามารถอดอาหารได้นานเป็นวัน ๆ
ถึงแม้ตับจะเป็นโรงงานทำลายสารพิษ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าตับเป็นแหล่งสะสมของสารพิษนะคะ คุณหมอวัชชิระ ชี้ว่า เมื่อสารพิษเข้ามาในร่างกายก็จะไปอยู่ในเลือด ไม่ได้คั่งอยู่ตับ เมื่อเลือดพาสารพิษเข้ามากำจัด ตับก็จะแปรสภาพให้เป็นของที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย ถ้าเป็นสารที่ละลายน้ำก็จะขับออกทางไตระบายไปเป็นเหงื่อและปัสสาวะ แต่ถ้าเป็นสารที่ไม่ละลายน้ำก็จะขับออกมาทางน้ำดี ผ่านมาทางลำไส้ใหญ่ ผสมปนออกไปกับอุจจาระ
แล้วทำไมเรายังต้องดีท็อกซ์ตับ?
ร่างกายเรามีระบบกำจัดของเสียอยู่แล้ว แต่การดีท็อกซ์ก็เป็นเหมือนตัวช่วยที่จะเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วขึ้น และให้เวลาตับได้ทำลายพิษเก่า ๆ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายมากขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้เรารับสารพิษกันเข้าไปไม่หยุดหย่อน ในขณะที่ความสามารถของตับก็มีจำกัด เมื่ออัตราการทำลายไม่เท่ากับอัตราการรับ อาการเจ็บป่วยก็จะเกิดขึ้นได้
ดีท็อกซ์ตับ...ทำได้ยังไง
สูตรการดีท็อกซ์ตับที่พูดถึงกันอย่างมากในช่วงนี้เป็นสูตรที่ผู้คิดค้นคือ คุณแก่นฟ้า แสนเมือง ได้ผสมผสานวิธีการล้างพิษในต่างประเทศกับภูมิปัญญาแพทย์แผ่นไทย มีการจัดเข้าแคมป์เพื่อดีท็อกซ์ตับโดยเฉพาะ กระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 6 วัน หลักการสำคัญแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนคือ
1. ในช่วง 4 วันแรกอดอาหาร ดื่มเพียงเครื่องดื่มที่ไม่มีมาก และดื่มน้ำลิดท็อกซ์ (เครื่องดื่มสมุนไพรชนิดหนึ่ง) แทนอาหาร
2. ทำการสวนล้างลำไส้จนแน่ใจว่าไม่มีอะไรตกค้างแล้ว
3. ดื่มน้ำดีเกลือ และในช่วงเวลาที่ท่อน้ำดีเปิดกว้างที่สุดตามนาฬิกาชีวิต (22.00 น.) ให้ดื่มน้ำมันมะกอก 150 ซี.ซี. ผสมน้ำมะนาว 150 ซี.ซี. และดีท็อกซ์ออกในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น เมื่อในลำไส้ไม่มีสิ่งตกค้าง จึงเชื่อกันว่าสิ่งที่ออกมานั้นน่าจะออกมาจากตับและถุงน้ำดี
ทำตามสูตรนี้แล้วดีแค่ไหน?
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธีการนี้ก็เป็นหนึ่งในการแพทย์ทางเลือกที่ได้ผลและน่าสนใจ ถ้าวิเคราะห์ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ สิ่งที่พอจะบอกได้ถึงประโยชน์ของการทำดีท็อกซ์ตามสูตรดังกล่าว เรื่องแรกก็คือ ผลจากการอดอาหาร เมื่อเราไม่กินอาหารก็หมายถึงเราจะงดรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายไปโดยปริยาย เมื่อไม่มีพิษใหม่ ๆ ร่างกายก็จะกำจัดพิษตกค้างได้อย่างเต็มที่
เรื่องถัดมาก็คือ การดื่มน้ำมันมะกอก ทุกครั้งที่ร่างกายเราได้รับไขมัน ก็จะมีการส่งสัญญาณให้ตับผลิตน้ำดีออกมาเพื่อช่วยในการย่อย เมื่อดื่มน้ำมันมะกอกเข้าไปจำนวนมาก น้ำดีก็จะถูกผลิตออกมามาก และเนื่องจากตับจะขับสารพิษส่วนหนึ่งออกมาทางน้ำดี กระบวนการนี้จึงเหมือนกับเพิ่มการพาสารพิษออกจากร่างกายนั่นเอง อีกอย่างการที่น้ำดีถูกผลิตออกมามาก ๆ ยังทำให้ความเข้มข้นเปลี่ยนไป นิ่วในถุงน้ำดีที่เกิดจากการตกตะกอนของคอเลสเตอรอลก็จะละลาย มีขนาดเล็กลง หรือหายไปได้
สรรพคุณไม่ได้ดีเลิศครอบจักรวาล
แม้แต่ผู้ที่จัดหลักสูตรล้างพิษตับเองยังเคยกล่าวไว้ว่า หลักสูตรนี้ไม่ใช่หลักสูตรรักษาคนป่วย คนป่วยควรจะไปหาหมอที่มีหน้าที่โดยตรง คนมาเข้าหลักสูตรต้องมีร่างกายแข็งแรงพอที่จะเข้าร่วมกิจกรรมได้ ดังนั้น อย่าคาดหวังว่าการดีท็อกซ์ตับจะสามารถช่วยเหลือคุณได้ทั้งหมด ประโยชน์ของการดีท็อกซ์ตับยังไม่มีการค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจัง และยังไม่มีการพิสูจน์ในเชิงวิทยาศาสตร์
ในเรื่องของสิ่งที่ออกมาหลังจากการดีท็อกซ์ที่มาระบุว่าอันนี้เป็นนิ่ว อันนั้นเป็นมะเร็งนั้น คุณหมอวัชชิระบอกว่า ท่อน้ำดีของคนเราที่ใหญ่ที่สุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตรเท่านั้น ไม่มีทางที่ก้อนใหญ่ ๆ ที่เราเห็นจะเป็นนิ่วที่หลุดมาจากถุงน้ำดีได้ น่าจะเป็นผลของปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เรากินเข้าไปต่างหาก การที่คนมีนิ่วในถุงน้ำดีแล้วนิ่วหายไปหลังจากดีท็อกซ์ น่าจะเป็นเพราะนิ่วนั้นละลายไปมากกว่าจะหลุดออกมาทั้งก้อน และบางคนที่ไม่มีมีนิ่วในถุงน้ำดีเลย เมื่อกินสิ่งที่เขาให้กินตามสูตรก็จะอออกมาลักษณะอย่างนั้น เช่นนั้น
ส่วนกรณีที่มีคนไข้หายจากมะเร็งนั้นก็ไม่ได้ หมายความว่าก้อนมะเร็งหลุดออกมาจากการดีท็อกซ์ต้องเข้าใจก่อนว่าปกติทุกคนมีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในตัวทุกวันอยู่แล้ว แต่ร่างกายเราจัดการไม่ได้ มะเร็งจึงเติบขึ้นมา มีความเป็นไปได้ว่าเมื่อล้างพิษออกไปแล้วสุขภาพก็ดีขึ้น ภูมิต้านทานของร่างกาย ก็แข็งแรงจนสามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้
ดูน่ากลัว...แต่เป็นเรื่องปกติ
หลังจากเห็นสิ่งที่ออกมาจากการดีท็อกซ์หลายคนอาจจะถึงกับช็อกกับภาพของเสียที่เห็นและกลิ่นเหม็นที่รุนแรง คุณหมอบอกว่ารูปลักษณ์และกลิ่นแย่ ๆ ของสิ่งที่ออกมานั้นเป็นเพราะกระบวนการย่อยยังไม่เสร็จสิ้น เราก็ไปสวนล้างลำไส้เร่งให้เขาออกมา มันถึงดูน่ากลัวว่าอุจจาระตามปกติหลายเท่า แต่ไม่ได้หมายความว่าอวัยวะข้างในของเราเน่าหรือสกปรกแต่อย่างใด