งาน CES มีทีวีรุ่นใหม่ๆ มาเปิดตัวหลายรุ่น สำรวจดูแล้วปีนี้ถือเป็นปีแห่ง UHD TV (Ultra High Definition TV) หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่าทีวี 4K TV ที่มีความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล ซึ่งมากกว่า Full HD 1920 x 1080 พิกเซล
Display Search บริษัทวิจัยตลาดออกมาคาดการณ์ว่ายอดขายทีวี UHD จะเพิ่มขึ้นจาก 1.9 ล้านเครื่องในปี 2013 เป็น 12.7 ล้านเครื่องในปี 2014 จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่งาน CES 2014 ผู้ผลิตทีวีจะขนจอขนาด 110 นิ้วมาโชว์ตัวด้วย ด้านล่างนี้ก็คือเทรนด์ของตลาดทีวีที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ใครที่เตรียมซื้อทีวีเครื่องใหม่ลองอ่านดูก่อนจะได้ตัดสินใจซื้อรุ่นที่โดนใจ
จอโค้งสร้างความแตกต่าง
ผู้ผลิตทีวีหลายๆ เจ้ายังไม่แน่ใจว่าการเพิ่มความละเอียดของทีวีขึ้นไปจากเดิมจะสามารถดึงดูดเงินในกระเป๋าของผู้บริโภคได้รึเปล่า เพราะราคาของทีวี UHD ตอนนี้ก็ถือว่ายังค่อนข้างสูงเพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ ราคาก็เริ่มตั้งแต่ $5,000 – $25,000 หรือแพงกว่านั้น ดังนั้นผู้ผลิตต้องหาจุดขายอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อดึงดูดให้คนซื้อ
ถ้าใครที่ใช้จอทีวีที่เล็กกว่า 50 นิ้ว ก็คงจะแยกความแตกต่างระหว่างภาพความละเอียด 720p และ 1080p ไม่ค่อยออก ซึ่งจอความละเอียดระดับ 4K นั้นถ้าจะดูให้ชัดและแยกความแตกต่างออกก็ต้องจอ 70 นิ้วขึ้นไป ทางผู้ผลิตจึงเริ่มใส่จอโค้งที่สามารถดูชัดทุกมุมมองมากับทีวี UHD เพื่อสร้างความแตกต่างจากทีวี Full HD ทั่วไป แต่ปัญหาของทีวีจอโค้งคือคนที่ซื้อไปต้องมีพื้นที่ในบ้านพอสมควรเพราะมันไม่สามารถแขวนกับผนังได้ แต่ตอนนี้ทีวี UHD ไม่ใช่ทุกรุ่นที่จะทำจอโค้ง ทาง Panasonic, Sharp, Sony และ Toshiba ก็ยังผลิตจอ UHD แบบแบบนเรียบอยู่ค่ะ
21:9 สัดส่วนความกว้างใหม่
นอจากทีวี UHD จอโค้งจากค่าย LG และซัมซุงที่ทั้งคู่ขนจอขนาด 105 นิ้ว ความละเอียด 5120 x 2160 พิกเซลที่มีความกว้างเป็นพิเศษ ด้วยสัดส่วนภาพ 21:9
ปัจจุบัน HDTV ส่วนใหญ่จะมีสัดส่วนภาพอยู่ที่ 16:9 เมื่อภาพยนตร์มาเล่นบนจอนี้ก็จะมีการคร็อปภาพด้านซ้ายและขวาออกไปเล็กน้อย รวมถึงมีอบดำด้านบนและด้านล่างของจอ แต่สัดส่วน 21:9 ของทีวี UHD จะใกล้เคียงกับขนาดของฟิล์มถ่ายภาพยนตร์ 1.85:1 พูดง่ายๆ ว่าจะให้ภาพที่ใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุด แถมยังสามารถเพิ่ม sidebar ด้านข้างจอสำหรับแสดงข้อมูลเพิ่มเติมได้ เช่น รายงานสภาพอากาศ สถิติหรือสตรีมข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์มาดูคู่กับรายการทีวี
LED LCD vs. OLED
ตอนนี้เทคโนโลยีทีวี UHD ก็มีให้เลือกอยู่สองแบบก็คือ จอ LED LCD ที่ต้องใช้ backlight ที่ทำให้จอภาพสว่างและจอ OLED ที่แต่ละพิกเซลบนจอสามารถให้ความสว่างด้วยตัวเองได้ ความแตกต่างในการควบคุมแสงสว่างของแต่ละพิกเซลจึงทำให้จอ OLED UHD สว่างกว่า สีสันสดใสกว่า และบางกว่าเมื่อเทียบกับจอ LED LCD UHD
คอนเท้นท์ 4K
เมื่อมีจอชัดๆแล้วก็ต้องมาพูดถึงเรื่องคอนเท้นท์แบบ 4K บ้าง ในปัจจุบันคอนเท้นท์ต่างที่ที่แพร่ภาพโดยสถานีโทรทัศน์ ,บริการสตรีมมิ่งและแผ่นบลูเรย์ ความคมชัดยังเป็นมาตรฐาน HD อยู่ แต่ทีวี UHD จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า “up-convert” หรือ “up-scale” ในการปรับภาพให้คมชัดใกล้เคียงกับ 4K
ตอนนี้ผู้ผลิตคอนเท้นท์เริ่มคิดถึงการผลิตเนื้อหาแบบ 4K แล้ว กลุ่มแรกที่จะได้ใช้บริการก่อนคือ บริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ที่เตรียมแพร่ภาพซีรีย์ “House of Cards” ที่ถ่ายทำด้วยกล้อง 4K เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วทางโซนี่เปิดตัวทีวี 4K พร้อมบริการสตรีมมิ่ง สำหรับผู้ซื้อทีวีและ FMP-X1 อุปกรณ์สำหรับสตรีมมิ่งหนังและเพลง ทางฟาก Amazon ก็จับมือกับค่ายหนังฮอลลีวูดเตรียมใหม้บริการสตรีมมิ่งหนังแบบ 4K รวมถึงถ่ายทำรายการของตัวเองด้วย ส่วนแผ่นหนัง 4K แบบ Blu-ray คาดว่าต้องรออีกสองปีถึงจะวางขาย ส่วนสถานีโทรทัศน์ยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้แน่นอน
ในการสตรีมมิ่งดูหนังแบบ 4K นั้น เค้าจะใช้สองมาตรฐานใหม่คือ การบีบอัดวิดีโอแบบ HEVC (High Efficiency Video Coding, also called H.265) ที่จะช่วยบีบอัดไฟล์ 4K ขนาดใหญ่ให้เล็กลงจนสามารถดาวน์โหลดหรือสตรีมมิ่งได้อย่างรวดเร็ว มาตรฐานที่สองคือ HDMI 2.0 ที่ส่งสัญญาณ 4K ได้เต็มรูปแบบจากเครื่องบลูเรย์, เครื่องเล่นมีเดียสตรีมมิ่ง กล่องเคเบิล/จานดาวเทียมไปยังทีวี
แน่นอนว่าเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่นี้ยังมีราคาแพงอยู่ค่ะ ถ้าใครไม่รีบรอคนใช้เยอะๆก่อน ราคาถูกลง แล้วค่อยซื้อก็ได้ค่ะ
ที่มา dailygizmo.tv