เว็บพัฒนาตัวเองจากเอกสารเพื่อการอ่านข้อมูล กลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นอย่างสมบูรณ์แบบ API ชุดใหม่ๆ เปิดให้สามารถเข้าถึงการเก็บข้อมูลในเครื่อง, การเข้าถึงดิสก์, ไปจนถึงการเปิดพอร์ต
แม้จะยังไม่มีรายงานออกมามากนักเกี่ยวกับการใช้ช่องโหว่ อย่างเป็นระบบ แต่ HTML5 ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความสนใจจากแฮกเกอร์ ความผิดพลาดจากตัวผู้ใช้เองที่ไม่ตรวจสอบการขอสิทธิของแอพพลิเคชั่น อาจจะนำไปสู่ความเสียหายได้แม้จะเป็นเพียงเว็บแอพพลิเคชั่น
อันดับ 4 Hacktivism: เมื่อม็อบบุกเว็บ
ความขัดแย้งในสังคมต้องการพื้นที่แสดงออกอยู่เสมอ แต่บางกลุ่มก็ไม่ได้เลือกใช้พื้นที่ตามกฎหมายเสมอไป ช่วงปีที่ผ่านมา การประท้วงหน่วยงานต่างๆ กลับมีกระบวนการรวมกลุ่มเพื่อแฮกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ หน่วยงานรัฐจำนวนมากถูกแฮกเพื่อเปลี่ยนหน้าเว็บเป็นข้อความประท้วง บางครั้งอันตรายก็อาจจะมากกว่านั้นเมื่อแฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลภายในได้ แล้วนำออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ
อันดับ 5 สมาร์ทโฟน: ช่องทางที่ติดตัวทุกคน
สมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมากลายเป็นช่องทางของ มัลแวร์ เช่น Android/ Marketpay.A จะแอบเข้าซื้อแอพพลิเคชั่นโดยไม่แจ้งผู้ใช้
ในไทยเองมีรายงานมัลแวร์จำนวนหนึ่งถูกออกแบบให้ปลอมตัวเป็นตัวป้องกัน ไวรัส แต่หน้าที่ที่แท้จริงคือการดักจับข้อความ SMS เพื่อส่งกลับให้แฮกเกอร์ที่เตรียมจะเจาะบัญชีธนาคารออนไลน์
อันดับ 6 DDoS: เทคนิคเก่า แต่ยังได้ผล
กระบวนการโจมตีที่ตรงไปตรงมาที่สุดสำหรับบริการที่เปิดต่อสาธารณะ เช่น เว็บ ก็คือการสั่งให้คอมพิวเตอร์จำนวนมากเข้ามาเปิดเว็บพร้อมๆ กันจนกระทั่งเซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถให้บริการผู้ใช้จริงได้
บริการเหล่านี้เริ่มมีการทำเป็นกระบวนการ มีตลาดมืดซื้อขายเครือข่าย botnet เพื่อไปโจมตีบริการคู่แข่งอย่างเป็นระบบ สร้างความเสียหายได้มากมาย
อันดับ 7 ข้อมูลรั่ว: ปัญหาเริ่มต้นจากภายใน
การเปิดเผยข้อมูลของ Edward Snowden หลายคนอาจจะมองเป็นการเปิดโปงรัฐบาลอย่างชอบธรรม แต่ปัญหาเบื้องหลังคือการที่พนักงานคนหนึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เขาไม่มี สิทธิได้เป็นจำนวนมาก และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นออกไปใช้ทำร้ายองค์กร นับเป็นปัญหาสำคัญที่องค์กรต้องตระหนัก
การรั่วไหลเหล่านี้บางครั้งเกิดจากความประมาทของพนักงานภายในที่นำข้อมูล ส่งต่อให้กับอีเมลที่มีผู้รับจำนวนมาก ทำให้มีคนที่ไม่มีสิทธิดูข้อมูลได้ดู หรือนำไปเปิดเผย ข้อมูลที่เป็นความลับของลูกค้าหากหลุดออกไปอาจจะทำให้องค์กรถูกฟ้องร้อง เรียกค่าเสียหาย เช่น ความลับด้านสุขภาพ
อันดับ 8 SPAM: ยังคงอยู่ และสร้างความเสียหายต่อเนื่อง
อีเมลขยะอาจจะดูไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงนักในปีที่ผ่านมา แต่ที่จริงแล้วองค์กรจำนวนมากต้องเสียค่าใช้จ่ายกับการดูแลสแปม ทั้งค่าใช้จ่ายระบบคัดกรอง และค่าใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างพื้นฐานเช่นพื้นที่เก็บอีเมลเมื่อองค์กรได้รับ อีเมลเหล่านี้เข้ามา
นอกจากตัวสแปมจะสร้างความรำคาญแล้ว มันยังเป็นช่องทางสำหรับการดาวน์โหลดมัลแวร์ หรือหลอกล่อให้ผู้ใช้เข้าถึงเว็บที่เจาะผ่านเบราว์เซอร์ด้วยกระบวนการอื่นๆ
อันดับ 9 การดักฟัง: คนจำนวนมากยังคงไม่เข้ารหัส
การดักฟังเป็นภัยสำคัญที่ทำได้ง่ายในโลกออนไลน์เสมอมา ในโลกอินเทอร์เน็ตที่เราต้องส่งข้อมูลผ่านผู้ให้บริการจำนวนมาก หลายครั้งส่งต่อผ่านผู้ให้บริการนับสิบราย ผู้ให้บริการเพียงรายใดรายหนึ่งถูกเปิดช่องโหว่เพื่อการดักฟังได้ก็สามารถ สร้างความเสียหายได้มหาศาล
บางครั้งผู้ให้บริการอาจจะหมายถึงผู้ให้บริการ Wi-Fi ทั่วไปตามร้านกาแฟ หรือในองค์กรเองที่ไม่ใส่ใจจะเข้ารหัส Wi-Fi กระบวนการนี้ทำให้ผู้ใช้ถูกดักฟังได้โดยง่าย
ข่าวการดักฟังเป็นวงกว้างของหน่วยงานรัฐ เช่น NSA ทำให้องค์กรที่เคยเช่าสายเฉพาะของตัวเองและคิดว่าไม่ต้องป้องกันข้อมูลรั่ว ไหล ต้องหันมาคิดใหม่และออกแบบการรักษาความปลอดภัยให้ครอบคลุมการส่งข้อมูลออก จากศูนย์ข้อมูลทุกครั้ง
อันดับ 10 Domain Hijack: เมื่อโดเมนกลายเป็นทรัพย์สินมูลค่าสูง
หลายองค์กรอาจจะไม่ทันระวังตัวว่าโดเมนที่ใช้งานอยู่นั้นมีมูลค่าสูง เพียงใด จึงไม่ได้ให้ความสำคัญในการป้องกัน หลายหน่วยงานใช้ชื่อพนักงานถือโดเมนเป็นส่วนตัวเพียงคนเดียว แต่บางครั้งก็ร้ายแรงถึงขั้นของการแฮกผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมน ครั้งที่ใหญ่ที่สุด คือ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เว็บใหญ่จำนวนสามเว็บ ได้แก่ redtube.com, alexa.com, และ whatsapp.com ถูกขโมยโดเมนในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน
แม้ภายหลังโดเมนเหล่านี้จะส่งกลับเจ้าของได้ แต่ความเสียหายในช่วงเวลาหลายชั่วโมงก็ทำความเสียหายเป็นตัวเงินได้จำนวนมาก สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ควรรักษาโดเมนให้ดี ต่ออายุโดเมนทุกรอบ และจัดการสิทธิของผู้ที่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดเมนอย่างรัดกุม
ที่มา - blognone
Huffington Post, Securelist, McAfee (PDF), Symantec (PDF)