ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง มีอุณหภูมิหนาวเย็น หลายคนต้องใช้ครีมทาผิวเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แตกลอก ดังนั้นผู้บริโภคต้องใส่ใจเลือกซื้อ “ครีมทาผิว” อย่างระมัดระวัง หลังจากมีการตรวจพบครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของสารโคเบตาซอลโพรพิโอเนต (สเตอรอยด์) ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย ผิวหนังเกิดอาการไหม้ แตกลายสีขาว เกิดรอยแดงรักษาไม่หาย และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง สำหรับส่วนผสมสารสเตอรอยด์ที่ก่อความรุนแรงสูงสุดมักพบใน “ครีมแบ่งขาย”
ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย มีความห่วงใยผู้บริโภคโดยเฉพาะ “กลุ่มวัยรุ่น” จาก สภาวะอากาศที่หนาวเย็นทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำในร่างกาย จะทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งจนเกิดอาการอักเสบ แดง คันตามมา หรือบางคนที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบ ภูมิแพ้หรือโรคสะเก็ดเงินอาจจะเห่อมากขึ้นเมื่ออากาศหนาวเย็น ดังนั้นในช่วงนี้เราควรดูแลผิวเป็นพิเศษ ได้แก่ เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังด้วยสารเพิ่มความชุ่มชื้นซึ่งมีหลายผลิตภัณฑ์ ตามความต้องการของผู้บริโภค เช่น โลชั่น ครีม และออยล์
ผศ.พญ.สุ ริวากร กล่าวเกี่ยวกับสารสเตอรอยด์ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจพบ ครีมทาผิวแบบแบ่งขายเองที่ไม่มี อย. มีส่วนผสมของสารโคเบตาซอลโพรพิโอเนต (สเตอรอยด์) ซึ่งเป็นยารักษาโรคผิวหนัง ไม่สามารถใช้เป็นครีมบำรุงผิวได้ ส่งให้เกิดอันตรายต่อร่างกายโดยเฉพาะผิวหนังบางลง ซึ่งประชาชนทั่วไปควรระมัดระวังในการเลือกใช้ครีมผิวขาวเหล่านี้
ผศ.พญ.สุริวากร อธิบายว่า “สารโคเบตาซอล คือ สเตอรอยด์ชนิดที่แรงที่สุด แพทย์จะใช้เพื่อรักษาโรคผิวหนังอักเสบที่เป็นเรื้อรัง หรือผื่นหนา โดยมีข้อบ่งชี้ว่า “ห้ามใช้ติดต่อกันเกิน 4 สัปดาห์” สารนี้จัดเป็นยาและไม่สามารถอยู่ในเครื่องสำอางค์ได้ เพราะสเตอรอยด์ออกฤทธิ์ที่ผิวหนังถึงชั้นแท้จนอาจเป็นผลถาวร นอกจากเข้าไปยับยั้งเม็ดสีแล้วยังไปรบกวนเรื่องการสร้างอิลาสตินคอลเจนของ ผิวหนังและทำให้ผิวเกิดการแตกลายงาแล้ว ยังทำให้ผิวบางและเส้นเลือดขยาย หากทาบริเวณหน้าจะทำให้เกิดสิวที่รักษายากกว่าสิวทั่วไป และเมื่อผิวบางโดนอะไรจะแพ้ง่ายและมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังได้ด้วย”
ด้าน นพ.ชูชัย ตั้งเลิศสัมพันธ์ อนุกรรม การประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลข้างเคียงจากการใช้ครีมสเตอรอยด์ ดังนี้ ประเภทเฉียบพลัน คือ การเกิดสิว โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและหน้าอก ลักษณะเป็นตุ่มแดง ไม่มีหัว หนองหรือไขมันอุดตัน, รอยโรคเดิมเป็นมากขึ้น เกิดจากการใช้ยาผิดโรค เช่น โรคกลากเกลื้อน, เกิดผื่นแพ้สัมผัส เกิดจากการแพ้สารกันบูดหรือน้ำหอมที่ใส่ในครีม ประเภทเรื้อรัง คือ ทำให้ผิวหน้าบางลง ออกแดดไม่ได้จะแสบร้อน หลอดเลือดใต้ผิวหนังเปราะแตกง่าย ขนยาวขึ้นบริเวณทายา เกิดสิวและผื่นอักเสบรอบปาก เกิดภาวะ “ติดยา” เป็นประเด็นปัญหาที่พบบ่อยในเมืองไทยและรักษายาก ภาวะนี้เกิดจากใช้ครีมสเตอรอยด์เป็นเวลานาน เวลาหยุดยาแล้วจะแดง หรือโรคผิวหนังอักเสบเดิมจะเป็นมากขึ้น ทำให้หยุดใช้ยาไม่ได้ นอกจากนี้จะไปกดการทำงานของต่อมหมวกไต ซึ่งมักเกิดจากการใช้ครีมสเตอรอยด์ชนิดแรงเป็นเวลานานโดยเฉพาะในเด็กและผู้ สูงอายุ
นพ.ชูชัย ให้คำแนะนำวิธีการดูแลผิวหน้าหนาวที่ถูกต้อง คือ
1.รักษาความสะอาดผิว โดยสบู่อ่อนๆ อย่าอาบน้ำร้อนจัด
2.หลังอาบน้ำทุกครั้งให้ทาสารให้ความชุ่มชื้น โดยทาหลังอาบน้ำทันที
3.ใช้ครีมกันแดดทุกวัน เนื่องจากในหน้าหนาวแสง UV จะมีมากกว่า แต่เมื่อเราไม่รู้สึกร้อนก็จะอยู่กลางแดดนานขึ้น
4.ดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วต่อวัน ถ้ามีผื่นคัน ผิวแตก แห้ง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
ผู้ บริโภคควรตระหนักในการเลือกใช้เครื่องสำอางค์และครีมต่างๆที่ได้รับรองจาก อย.เท่านั้น หรือ กรณีไม่มั่นใจก็สามารถตรวจสอบไปที่ อย.หรือ สายด่วนอย. หมายเลขโทรศัพท์ 1556.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์