นึกถึงภาพหมู่บ้านในชนบทสมัยก่อนที่แต่ละบ้านจะมีชานบ้านเปิดโล่งเป็นที่ที่ใคร ต่อใครในหมู่บ้านหรือละแวกใกล้เคียงแวะเวียนมาทักทายสนทนาวิสาสะกันเป็น ประจำด้วยเรื่องราวสารพัดทุกวัน ข่าวสารต่างๆ ไหลเวียนผ่านพื้นที่ชานบ้านของแต่ละคน มีอะไรก็รู้กันไปหมด
จะ คุยเล่นคุยจริง หารือเรื่องต่างๆ บอกบุญ เอาของแปลกๆ ใหม่ๆ มาดูและวิพากษ์วิจารณ์กัน หรือบางครั้งมีพ่อค้าเร่แวะมาเสนอขายโน่นนี่ เพื่อนบ้านก็เข้ามามะรุมมะตุ้มกันเป็นที่สนุกสนาน
ดูเผินๆ แล้วในโลกสมัยใหม่เฟซบุ๊กก็มีลักษณะคล้ายๆ ชานบ้านเสมือนจริง แต่ขอบเขตมันกว้างขวางกว่า ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงหรือแม้กระทั่งคนแปลกหน้าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็แวะเวียน เข้ามากันได้ และมีความซับซ้อนกว่าเพราะข้อมูลข่าวสารอะไรต่างๆ ที่ไหลเวียนเข้ามามันจะอยู่ที่นั่นเสมอ ใครเข้ามาทีหลังก็ยังรับรู้ได้ ขณะที่ชานบ้านในโลกจริงนั้น ใครไม่ได้อยู่ในที่นั้นโอกาสจะรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นมีก็แต่การบอกต่อเท่า นั้น มันไม่ได้เก็บบันทึกไว้
และข้อมูลข่าวสารที่ไหลเวียน อยู่บนชานบ้านเสมือนจริงของแต่ละคนนั้นมีมาจากหลายแหล่งมาก ทั้งที่คนที่เป็นเพื่อนในกลุ่มพูดขึ้นมาเอง หรือการแชร์อะไรต่อมิอะไรของคนอื่นๆ มา
ทุกวันนี้สำหรับคน จำนวนหนึ่งเฟซบุ๊กเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันแบบขาดไม่ได้ เช้าเข้า เย็นเข้า ก่อนนอนเข้า สำหรับบางคนเป็นสิ่งที่เหมือนขาดไม่ได้เสียด้วยซ้ำ บางคนนอกจากเพื่อนหรือคนที่รู้จักตัวเป็นๆ กันจริงๆ แล้วยังเพื่อนใหม่ที่ไม่รู้หัวนอนปลายตีนกันอีกนับไม่ถ้วน
แต่บางทีมันก็ไม่ใช่โลกอันเปี่ยมด้วยมิตรภาพเสมอไป
ยิ่ง ในช่วงที่ความคิดทางการเมืองในสังคมแตกออกเป็นขั้วที่ขัดแย้งกันเด่นชัด หน้าเฟซบุ๊กบางครั้งกลายเป็นเวทีของการปะทะกันทางความคิดอย่างดุเดือด ซึ่งหากปะทะกันแบบอารยะที่ยอมรับความแตกต่างกันก็คงไม่กระไรนัก แต่ในหลายกรณีกลับเป็นตรงกันข้าม เรียกว่าดูจากถ้อยคำที่ใช้กันแล้ว หากมาพูดกันซึ่งๆ หน้ามีหวังได้ซัดกันให้เลือดตกยางออกกันไปข้างอย่างไม่ต้องสงสัย
ปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นในระยะหลังบนเฟซบุ๊กที่เห็นบ่อยมากก็คือมีคนพูดถึงการอันเฟรนด์ หรือเลิกเป็นเพื่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นกันและกันบนเฟซบุ๊ก อันมีสาเหตุมาจากความคิดที่ไปคนละทางจนรับกันไม่ได้ บางคนกระทั่งเป็นเพื่อนในโลกจริงๆ กันมานาน ก็มาตัดสัมพันธ์กันบนเฟซบุ๊กเพราะรับไม่ได้กับความคิดของอีกฝ่ายที่อยู่คนละ ขั้ว หนักกว่านั้นบางคนไม่ใช่แค่อันเฟรนด์บนเฟซบุ๊กเท่านั้น แต่ในโลกจริงๆ ก็หมางเมินกันไปด้วย
การอันเฟรนด์บนเฟซบุ๊กนี่บางคนเขาถือนะ ครับ อาจจะคิดว่าเป็นการสบประมาทดูหมิ่นเหยียดหยามลบหลู่เกียรติศักดิ์ศรีอะไรก็ ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะในบ้านเรา ต่างประเทศก็เป็นเหมือนกัน อย่างที่เคยเห็นข่าวไปยิงกันตายเพราะโดนอีกฝ่ายอันเฟรนด์
จริงๆ แล้วโดยระบบปกติของเฟซบุ๊ก เราไม่รู้หรอกว่าใครอันเฟรนด์เรา อย่างมากก็แค่เห็นจำนวนเพื่อนลดลง แต่บางคนที่อยากรู้มากก็เที่ยวหาแอพพลิเคชั่นสำหรับการนี้โดยเฉพาะมาใช้ไว้ แจ้งเตือนเวลาโดนอันเฟรนด์
ทุกวันนี้ผมมีเพื่อนบนเฟซบุ๊กไม่มาก และกว่าร้อยละ 90 เป็นคนที่รู้จักกันจริงๆ ความคิดของแต่ละคนก็หลากหลาย อันไหนที่ไม่เข้าง่ามหรือเห็นแล้วขัดหูขัดตาก่อให้เกิดอารมณ์ขุ่นมัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ถ้อยคำแบบเฮทสปีชแล้ว ใช้วิธีกดซ่อนข้อความเอา หรือกด hide
เพราะชีวิตคนเราไม่ได้มีการเมืองมิติเดียว แถมการเมืองที่เป็นเรื่องชิงอำนาจกันของคนข้างบนไม่กี่คนโดยอาศัยประชาชน เป็นเบี้ย แล้วประชาชนคนข้างล่างมาทะเลาะกันจะเป็นจะตายมันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด เดียว
หากเฟซบุ๊กมันเต็มไปด้วยสิ่งรบกวนจิตใจมากเกิน หลบไปใช้กูเกิล พลัสก็ได้ครับ สงบดีถ้ามีเพื่อนแต่พอประมาณ
(ที่มา:มติชนรายวัน 27 มกราคม 2557)