น้ำหนัก ร่างกายขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมาย และทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตและพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้มาก หลักสำคัญของการควบคุมน้ำหนักก็คือ การทำให้พลังงานที่รับและพลังงานที่ใช้มีความสมดุลกัน
ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่เรารู้จักกันในชื่อ สมการสมดุลพลังงาน (energy balance equation)
พลังงานที่รับได้มาจากอาหารและเครื่องดื่มที่เราบริโภคมักจะวัดกันเป็นหน่วย กิโลแคลอรี่ (kcal) กระทรวงเกษตรสหรัฐได้กำหนดระดับแคลอรี่ตามเพศ อายุ และกิจกรรมของแต่ละคนไว้ ปริมาณแคลอรี่ที่รับจะมีค่าตั้งแต่ 3,000 กิโลแคลอรี่สำหรับผู้ชายอายุระหว่าง 19-20 ปีที่ชอบทำกิจกรรมจนถึง 2,000 กิโลแคลอรี่สำหรับชายอายุ 76 ปีขึ้นไปที่ชอบนั่ง (ในส่วนผู้หญิงจะมีค่าอยู่ที่ 2,400 กิโลแคลอรี่ และ 1,600 กิโลแคลอรี่ตามลำดับ) เมื่อพลังงานที่รับมากกว่าพลังงานที่ใช้ไป ร่างกายเราจะเก็บพลังงานส่วนเกินในรูปของไขมัน ไม่ว่าพลังงานส่วนเกินนั้นจะมาจากไขมัน คาร์โบไฮเดรต หรือแม้แต่แอลกอฮอล์
พลังงานที่ใช้จะมีด้วยกัน 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ resting metabolic rate (BMR) ซึ่งเป็นพลังงานที่ร่างกายคุณใช้ให้ทำงานได้ปกติตลอดทั้งวัน, diet induced thermogenesis (DIT) เป็นพลังงานที่ใช้ในการย่อยอาหาร ดูด ซึม ขนส่ง ย่อยสลาย และเก็บอาหารและเครื่องดื่ม และกิจกรรมทางร่างกาย ในคนชราแต่ละคนจะมีค่า BMR ประมาณ 60-70% ของพลังงานที่ใช้ไป ค่า DIT คิดเป็นประมาณ 10% และกิจกรรมทางร่างกายจะอยู่ประมาณ 10-25% (คนที่ไม่ชอบอยู่นิ่งจะมีสัดส่วนของพลังงานที่ใช้ไปมากกว่ากิจกรรมทางร่าง กาย) ร่างกายของเราจะใช้พลังงานตลอดเวลาแม้แต่ขณะกำลังหลับ ร่างกายก็ต้องการพลังงานในการทำหน้าที่ที่ซับซ้อนหลายอย่างเพื่อทำให้เรามี ชีวิตอยู่
ไขมันร่างกาย 1 ปอนด์จะให้พลังงานประมาณ 3,500 กิโลแคลอรี่ สมการสมดุลพลังงานแสดงให้เห็นว่าถ้ามีการเพิ่มขึ้นของอาหารที่บริโภคหรือการ ลดลงของพลังงานที่ใช้ไปเท่ากับ 3,500 กิโลแคลอรี่จะทำให้เรามีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 1 ปอนด์ ถึงแม้ว่านี่อาจจะเป็นการคำนวณอย่างง่ายในการคาดคะเนทั้งน้ำหนักที่เพิ่ม ขึ้นหรือลดลงก็ตาม แต่ยังมีความแตกต่างในแต่ละบุคคลที่สมการสมดุลพลังงานไม่สามารถนำมาคิดได้ การ เปลี่ยนแปลงของน้ำหนักเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างช้าคือมันต้องใช้เวลานานกว่า สองสามนาที ชั่วโมง หรือวัน ตัวอย่างเช่น การเพิ่มของน้ำหนักเกี่ยวข้องกับภาวะที่การรับปริมาณแคลอรี่มากกว่าการใช้ มากเป็นระยะเวลานาน
และ คำตอบของคำถามนี้ไม่ใช่คำตอบที่ตายตัวถึงแม้ว่าเราจะรู้ปัจจัยทั้งหมดของการ ใช้ชีวิตของคนๆ หนึ่ง แน่นอนว่าคนที่เดินเร็วๆ จะต้องใช้พลังงานมากกว่าการงีบในตอนกลางวัน
อย่างไรก็ตาม การนอนหลับไม่ใช่สาเหตุของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น อย่างที่เราอ่านมาแล้ว หลักสำคัญคือความสมดุลของพลังงานในระยะยาว แต่ในปัจจุบันโดยเฉพาะคน สหรัฐอเมริกาจำนวนมากกำลังรับพลังงานมากกว่าที่ร่างกายของพวกเขาใช้ ซึ่งนำไปสู่ภาวะที่ทำให้คนมากกว่า 1 ใน 3 เป็นโรคอ้วน
ที่น่าสนใจก็คือมีการศึกษาสองสามอัรที่บ่งชี้ว่าคนแต่ละคนที่นอนไม่พอและได้ นอนในเวลาที่กำจัดจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ง่ายกว่าคนที่นอนเพียงพอ การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้การหลั่ง ฮอร์โมนเลปติน (leptin) ลด ลง ฮอร์โมนตัวนี้ถ้ามีระดับสูงจะทำให้เรารู้สึกอิ่ม แต่ถ้ามีระดับต่ำจะทำให้เรารู้สึกหิวได้ กระนั้น การนอนหลับไม่เพียงพอจะเพิ่มระดับฮอร์โมนเกรห์ลิน (grehlin) ซึ่งทำให้คนรู้สึกหิวมากขึ้น



กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday