ลองนึกตอนคุณอายุ 20 ต้นๆซิ คุณมักจะใช้เวลาไปกับการค้นหาตัวเองมากกว่าจะหาสามีดีๆ หรือ ผู้ชายดีๆ ”ผู้หญิงอยากเป็นตัวของตัวเอง และยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเอง เรื่องการเงินและสนุกในขณะที่ยังสาว” แต่พออายุ 20 ปลายๆ สภาพจิตใจก็เปลี่ยนไป ทำให้ต้องตั้งหลักในเรื่องงานผ่านเรื่องรักมาบ้าง และมีความมั่นคงในตัวเอง “ความกดดันก็เลยเปลี่ยนไปที่อนาคตที่กำลังคืบคลานเข้ามา” ผู้หญิงจะตัดสินว่าต้องการความสัมพันธ์ที่มีความหมายมากขึ้น เธอมองหาและสงสัยว่าผู้ชายดีๆที่หวังจะได้เจอน่ะอยู่ไหน?
ผู้ชายที่คิดจะจริงจัง
ทันทีที่คุณตัดสินใจจะจริงจังกับผู้ชายสักคน มาตรฐานคุณก็เปลี่ยนแล้ว ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจากคู่รัก และที่แย่กว่านั้นก็คือ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงมีการศึกษาสูงเกินผู้ชาย ก็เลยมีผู้ชายที่จะจับคู่ด้วยได้น้อยลง “ผู้หญิงไม่เต็มใจจะเดทผู้ชายที่มีสถานภาพทางสังคมต่ำกว่า”
ผู้ชายไม่ยอมโต
ในขณะที่คุณกับเพื่อนผู้หญิงเริ่มไปดินเนอร์ที่หรูๆและดื่มไวน์ ผู้ชายก็ยังเหมือนเดิม ยังเล่นวีดีโอเกม “พอผู้หญิงอายุ 20 ปลายๆ เธอมักจะมองหาคนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ แต่บรรดาเพื่อนผู้ชายกลับไม่โต และไม่พร้อมสำหรับอะไรที่เป็นแก่นสาร”
หนุ่มโสดหมดตลาด
ยิ่งคุณอายุมากขึ้นเท่าไหร่ เพื่อนที่เป็นโสดก็เริ่มมีคู่มากขึ้นเท่านั้น ผลลัพธ์ก็คือ มีโอกาสที่จะเจอผู้ชายคนใหม่น้อยลง และถึงแม้คุณจะคิดว่าแฟนเพื่อนสนิท คุณมีเพื่อนฝูงผู้ชายมากมายให้คุณจับคู่ ถ้าเขามีคู่ก็ดูเหมือนว่าเพื่อนๆเขาจะมีแฟนกันหมดแล้ว
เหนื่อยล้าและอ่อนแรง
หลังจากไม่ได้ออกเดทมาเป็นชาติ อะไรก็ดูยากไปหมด จะเข้ากันได้มั้ย จะเลือกคนไหนดี กลุ้มใจว่าเขาจะโทรฯมามั้ย “ความโสดกัดกร่อนความนับถือตัวเองของผู้หญิง” อีกเหตุผลที่สาวๆเลิกเดทก็คือ ทุกคนแทบจะไม่มีเวลากันเลย มันจึงยากที่จะหาเวลา “หาผู้ชาย” ให้เข้ากับตารางเวลาและอยู่ในรายการของสิ่งที่ต้องทำต้นๆ
ถึงจะฟังดูหดหู่แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวัง คุณควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองดได้ แค่เปลี่ยนความคิดในใจสักนิด แล้วชีวิตรักคุณจะกระเตื้องขึ้น อ่านต่อว่าทำอย่างไรดีให้ไม่เหงาอีกต่อไป
มองโลกแห่งการเดทในแง่ดี
มีความเป็นไปได้สูง ถึงจะดูเหมือนว่าผู้ชายดีได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้แล้ว แต่จากข้อมูลบอกว่า ผู้ชายโสดอายุ 25-34 ปี มีมากกว่าผู้หญิง คำแปลก็คือมีผู้ชายนับล้านที่เป็นโสดและคุณมีโอกาสเจอ