ใครจะเชื่อว่าแมลงตัวเล็กๆ อย่างผึ้งจะมีความสามารถเกินตัวได้มากขนาดที่ว่าสามารถบินได้ที่ความสูง 9,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เหนือกว่าความสูงของยอดเขาเอเวอเรสต์ที่สูงที่สุดในโลกที่ระดับ 8,848 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล หรือเหนือกว่าเขตแห่งความตายที่นักปีนเขาทุกคนรู้ดีว่าถ้าไปถึงจุดนั้นจะไม่ มีออกซิเจนเพียงพอให้หายใจ เพราะอากาศเบาบางมาก
แต่ผึ้งตัวเล็กๆ กลับสามารถมีชีวิตอยู่ในอากาศที่เบาบางเช่นนั้นได้ และยังบินได้ในเขตแห่งความตายได้อย่างสบายๆ เพียงปรับแต่งมุมปีกนิดหน่อยเท่านั้น
แม้เราจะมองว่าผึ้งที่บินหากินอยู่ตามดอกไม้นั้นดูงุ่ม ง่าม บินวนไปเวียนมา จนน่าเวียนหัว แต่ด้วยวิวัฒนาการของแมลงชนิดนี้ ทำให้ผึ้งมีประสิทธิภาพในการบินการมีชีวิตที่สูงกว่าที่เราเห็นมากนัก
เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์จากนักวิจัยในรัฐไวโอมิงที่ นำผึ้งจากมณฑลแห่งหนึ่งในจีน มาใส่ในกล่องปรับแรงดันและปริมาณอากาศ ให้เท่ากับบรรยากาศที่ความสูงต่างๆ ของโลก และพบว่าที่ความสูง 9 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล ผึ้งยังสามารถบินได้แม้อากาศจะเบาบางจนแทบไม่มีออกซิเจนให้มนุษย์หายใจ
ดอกเตอร์ไมเคิล ดิลลอน แห่งมหาวิทยาลัยไวโอมิง ได้จับผึ้งตัวผู้ 6 ตัวที่อาศัยอยู่ในที่สูง 3,250 เมตรจากระดับน้ำทะเลมาทำการทดลองในกล่องจำลองชั้นบรรยากาศนั้น และพบว่าในที่ความสูงระดับนั้น ผึ้งยังมีชีวิตอยู่ได้และบินได้ด้วยการปรับมุมปีกให้ชันมากที่สุดเพื่อเพิ่ม แรงพยุงตัว แต่ยังกระพือปีกที่ความถี่เดียวกันกับความสูงระดับอื่นอย่างสม่ำเสมอ
นั่นแสดงให้เห็นว่า ผึ้งสามารถปรับมุมของปีกเพื่อเพิ่มแรงพยุงในสถานการณ์ต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน
แต่คำถามสำคัญคือทำไมผึ้งยังมีชีวิตอยู่ได้ ทั้งที่ในระดับความสูงเช่นนั้น ออกซิเจนก็มีน้อย ขณะที่แมลงได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการออกซิเจนเป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว
ณ จุดนี้คำถามก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน แต่สามารถสรุปได้เพียงว่า ผึ้ง มีประสิทธิภาพในการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้อย่างรวด เร็วและมีประสิทธิภาพ
และการทดลองนี้ยังช่วยทำลายสถิติการบินที่สูงที่สุดของ แมลง ที่นักวิทยาศาสตร์เคยพบที่ความสูงมากที่สุดเพียง 5,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลอีกต่างหาก