การศึกษาของคิป ธอร์น แสดงให้เห็นว่า โดยธรรมชาติแล้วรูหนอนที่จะเป็นทางลัดข้ามกาลเวลาดังกล่าวนี้ ไม่ "เสถียร" พอที่จะให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดผ่านไปได้
ดังนั้นจำเป็นต้องมีพลังงานบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้ความเสถียร ในโลกของควอนตัมฟิสิกส์ พลังงานที่เป็นพลังงานขั้วลบที่ว่านี้อาจอยู่ในรูปของพลังงาน "คาสิเมียร์" ตามทฤษฎีของ คิป ธอร์น "คาสิเมียร์" สามารถทำให้ "ปาก" ของ "รูหนอน" เปิดอยู่ได้นานพอที่จะทำให้บางสิ่งบางอย่างผ่านไปได้
แต่นั่นหมายถึง "บางสิ่งบางอย่าง" ที่มีขนาดเป็น "ควอนตัม" หรือเป็นอนุภาคของพลังงานเท่านั้น นอกจากนั้น ถึงแม้จะมีพลัง "คาสิเมียร์" รูหนอนที่ว่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะยุบตัวหายไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย
นั่นเป็นเรื่องของทฤษฎีเก่าเมื่อเร็วๆนี้ ลู้ค บุทเชอร์ นักทฤษฎีฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพิ่งหันกลับไปประเมินทฤษฎีของคิป ธอร์น เสียใหม่ นำมาคิดต่อแล้วก็บอกว่า มีความเป็นไปได้ที่จะสร้าง "รูหนอน" ใหม่ให้มีความเสถียรมากขึ้นกว่าเดิม การยุบตัวของมันสามารถป้องกันได้เป็นระยะเวลายาวนาน แต่ต้องเป็นรูหนอนที่ยาวและมีปากรูแคบ จนทำให้ "โฟตอน" เท่านั้นที่สามารถผ่านได้
อย่างไรก็ตาม บุทเชอร์ ยอมรับว่าการคำนวณของตนไม่เป็นที่ชัดเจนว่า
อนุภาคโฟตอนที่ว่านั้นจะผ่าน "รูหนอน" จากด้านหนึ่งไปออกยังอีกด้านหนึ่งได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ แต่บอกว่าแค่เพียงมี "ความเป็นไปได้" ในการส่งอะไรสักอย่างจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งด้วยความเร็วที่เร็วกว่าความเร็วแสงได้ก็ทำให้เรื่องนี้ "เย้ายวนใจ" เหลือหลายแล้ว
เพราะนั่นหมายถึงความเป็นไปได้ที่เราจะสามารถสร้าง "การสื่อสาร" ถึงกันและกันในระดับความเร็วเหนือแสงนั่นเอง
ข้อที่น่าสังเกตก็คือ ผลการศึกษาวิจัยของ ลู้ค บุทเชอร์ ดังกล่าวนี้ ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า "รูหนอน" นั้นมีอยู่จริง เพราะจนถึงขณะนี้เรายังไม่มีหลักฐานทางกายภาพใดๆที่แสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ดังกล่าวแต่อย่างใด สิ่งที่ บุทเชอร์ และ แม้แต่ คิป ธอร์น คำนวณไว้นั้น เป็นเพียงแค่การแสดงให้เห็นว่า ถ้าหากมี เราจะส่งอะไรผ่านรูหนอนเหล่านั้นได้ด้วยวิธีไหนเท่านั้นเอง
การรู้ให้ได้ว่า "รูหนอน" นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ คงต้องอาศัยการคิดคำนวณและการศึกษาวิจัยอีกมากมายกว่านี้มาก