อุทาหรณ์! พัดลมติดผนังหล่นใส่ ทำใจแม่แทบสลาย!
อุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิ่งของใกล้ตัวที่บางครั้งไม่ได้คิดว่าของเหล่านั้นอาจเป็นภัยถึงชีวิต ทำให้ประมาทและไม่ระมัดระวัง อย่างเช่นเรื่องที่ teenee.com ได้นำมาฝากกันในวันนี้ เป็นเรื่องราวของสมาชิกพันทิปที่ใช้ชื่อว่าKireinei โดยเธอได้มาเล่าเรื่องราวเตือนภัยใกล้ตัวที่เกือบพรากชีวิตลูกน้อยของเธอไป เพราะพัดลงติดผนังหล่นใส่ลูก จนได้ับบาดเจ็บที่ดวงตาอย่างมากจนอาจตาบอดได้ เราไปอ่านเรื่องนี้พร้อมๆ กันเลยดีกว่า
"ตามหัวข้อเลยคะ ประสบพบเจอมาด้วยตัวเองหัวใจแทบสลาย ต้นเหตุของความปวดร้าวทั้งหมดอยู่ที่พัดลมคะ ใช้คะพัดลมติดผนัง พัดลมเพดานทั้งหลาย
เริ่มเรื่องเลยนะคะ จขกท.เป็นคนต่างจังหวัด สามีคนกรุงเทพ ช่วงเทศกาลเราจะกลับเข้ากรุงเทพเพื่อมาเยี่ยมแม่สามี เย็นวันเสาร์ที่ 11เม.ย. เราก็ขับรถเข้ากรุงกันปกติ เช้าวันอาทิตย์ที่ 12 เม.ย. เที่ยวกันปกติ ตกกลางคืน เราทั้ง3คนนอนห้องแม่สามีคะ แม่สามีไปภูเก็ต เวลาประมาณ5ทุ่มครึ่ง เสียงดังปึ้ง อะไรหนังๆคก
ลูกร้องคะตอนด้วยกันรีบเข้าไปกอด สามีเปิดไฟ ตอนแรกไม่มีอะไรรู้แค่ว่าพัดลมฝาปนังหล่นลูกคงตกใจร้อง เพราะตอนแรกเช็คแล้วไม่มีเลือด พอเช็คอีกรอบ
ใจแทบสลาย เลือดไหลออกมาจากตาซ้ายเยอะมากเลยคะ ลูกชายก็ร้องมี๊หนูเจ็บ สติสตางคนเป็นแม่ขาดเลย กรี๊ดลั่นบ้าน คือในใจมันห่วงตาลูกมาก
จะมีอะไรอยู่ในตามั้ย บาดแค่ไหน อยากจะร้องไห้ ความรู้สึกนั้นร้องไม่ออก สามีหยิบกุญแจรถได้ บึ่งไปโรงพยาบาลเลยคะ สภาพทั้งคู่ รองเท้าไม่ได้ใส่
หัวกระเจิง หิ้วเด็กร้อง มีเลือด สติแตกทั้งคู่ โรงพยาบาลอรกที่ไป โรงพยาบาล........... ไม่ขอเอ่ยนาม เอกชนแถวถนนพระราม2 รีบเข้าไป หมอก็ทำแผลให้
แล้วไล่ให้ไปโรงพยาบาลรัฐ เอิ่มม ค่ารักษา 50000 เขาแจ้ง เราบอกให้รักษาลูกเราก่อนอะไรเราก็ยอม รพ.บอกต้องชำระเงินสดถึงจะผ่าตัดได้ หัวใจแทบสลาย เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่มั้ยคะ ณ เวลานี้อยากให้ช่วยลูกก่อนเงินเดี๋ยวเอามาให้ กระเป๋าอยู่บ้านหมด ไม่มีสติจะทำอะไรทั้งนั้น ได้ยินอย่างนั้นเราก็ขอรถพยาบาล ใช้ขอให้พาไปโรงพยาบาลสมเด็จพระปกเกล้า กรมการทหารเรือ พิมพ์ผิดขออภัย เราห่วงลูกแฟนเราก็สติไปหมดแล้ว ขับรถก็แทบจะชนคันอื่น
เราเลยขอร้องให้รถพยาบาลไปส่งที เพราะเราไม่รู้จักโรงบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าไปยังไง เขาบอกว่ากว่าจะเอารถออกต้องทำเอกสารโน่นนี้นั่น จบ!!!!
วิ่งออกมาหาสามีคะบอกขึ้นรถไปโรงบาลทหารเรือ สามีคนพื้นที่ก็บึ่งไปเลย จะบอกว่าคืนนั้นเป็นวันแรกที่รถมิราจคันเล็กๆวิ่งเกิน140 ผ่าทุกไฟแดง
เข็มขัดนิรภัยไม่ได้คาด เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง แซงรถทุกคน ซ้าย-ขวา ไปหมด บีบแตรเร่งรถคันหน้า ขออภัยไว้ณที่นี้................."
"พอถึงโรงพยาบาลรีบวิ่งหอบลูกชึ้นเบลคะบุรุษพยาบาลรีบเข็นเข้าห้องฉุกเฉินขอบคุณมากคะ ไม่มีใครถามอะไรทั้งนั้นถึงถามคงไม่มีกระจิตกระใจตอบ พอถึงห้องฉุกเฉินหมอรีบวิ่งเข้ามาดูอาการ รีบทำความสะอาดแผลถามรายละเอียดว่าน้องโดนอะไรมา โดนมานานรึยัง พร้อมทั้งขออนุญาติถ่ายรูปเพื่อปรึกษา อาจารย์อีกที ไม่รู้ว่าเรียกอะไร อาจารย์ รุ่นพี่ หรืออื่นๆ ระหว่างทำแผลเบื้องต้น จขทก อยู่กับลูกไม่ยอมปล่อยลูกไปไหนเบลที่เข็นมาก็ขึ้นไปกอดปลอบลูก หัวใจแทบสลายเหมือนกำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญ แต่พยายามไม่ร้องคะ กลัวลูกเห็นแล้วร้องหนักกว่าเดิม พอทำแผลเสร็จคุณหมอให้รีบ ไปเอกซเรย์ศรีษะ
ลูกชายนอนไปแล้วด้วยความเพลีย แต่เกาะมือเราไว้แน่นเราก็ยังไม่ลงจากเตียงนะคะ นอนไปด้วยทั้งๆที่เอกซเรย์นั่นแหละ พอยกหัวน้องเพื่อวางฟิล์มทีน้องสะดุ้ง หาเรา เราก็ต้องบอกว่ามี๊อยู่นี้ๆๆ ไม่ไปไหน จะอยูข้างๆตลอด ขอบคุณทุกคนมากๆที่เข้าใจคนเป็นแม่ไม่ไล่ลงจากเตียงไม่ไล่ออกจากห้องเอกซเรย์ พอเสร็จรอไม่ถึง5นาที ก็ได้ฟิล์ม ไปให้หมอ หมอก็แจ้งว่า กระโหลกน้องไม่มีปัญหาอะไร จะมีก็แต่กระดูกตรงแก้มใกล้ๆเบ้าตา ที่ร้าวแต่หมอจะไม่ทำอะไร เนื่องจากน้องสามารถกรอกตาได้อยู่กระดูกจะสามารถสมานเองได้
ต่ออีกรอบหมอให้สแกนช่วงหน้าอกก็ไปแบบเดิมรออีก 5 นาทีก็ได้ฟิล์มเอกซเรย์มา (คือรอบนี้ไม่รู้หมอให้ไปเอกซเรเพิ่มเพราะอะไรนะคะ) พอกลับมา
หาคุณหมอ หมอก็สอบถามว่า อาหารและน้ำกินครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เราก็ตอบไปตอน5ทุ่ม หมอก็บอกเคสน้องต้องดมยาและทำการล้าง และเย็บแผล
เพราะแผลลึก และต้องรีบทำเพื่อไม่ให้เซลล์หนังที่ฉีกออกตาย เราก็ค่ะๆ เซ็นยินยอมต่างๆนาๆ จขกท.ใจร้อนถามหมอผ่าตอนนี้เรยทำอะไรก็ได้ให้เรา
สามารถรู้ได้ว่าดวงตาลูกปกติ
หมอแจ้งว่า การดมยาทำให้อะไรก็ไม่รู้ไม่ได้ฟัง คร่าวๆคือถ้าน้องหลับแล้วอาหารยังอยู่จะเกิดการสำลักและเป็นอันตรายได้ หมอบอกประมาณตี5ครึ่งนะ หลังจากนั้นก็ให้น้ำเหลือ ยาฆ่าเชื้อ และพาขึ้นไปห้องเด็ก รอเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีห้าครึ้ง นานมากๆใจกังวลต่างๆนาๆ ภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอนไม่หลับได้แต่ขอโทษลูกที่ให้นอนตรงนั้น ได้แต่บอกว่าอยากโดนเองเหมือนคนบ้า มองนาฬิกาตลอด
พอเวลาตี5กว่าๆ เราก็รอ ในใจคิดว่าถ้าตี5ครึ่งเมื่อไหร่ลูกเรายังไม่เคลื่อนย้าย เราจะไปแจ้งพยาบาล กลัวเขาลืม แต่ไม่ที่นี้เป๊ะมาก ตี5ครึ่งเข็นแปลทะเบียนประวัติ มาเลย ขอบคุณที่เป๊ะขนาดนี้ เพราะหัวอกคนเป็นแม่อยากให้ลูกได้รับความปลอดภัยเร็วที่สุด ตามเปลไปเลยค่ะลูกก็สะดุ้งเป็นพักๆ ถ้าเขาจับมือเราอยู่เขาจะไม่โวยวาย พอถึงห้องผ่า ขอค่ะขออีกเหมือนกัน ขอเข้าไปด้วย แต่เพื่อความสะอาดปลอดภัย คุณหมอให้เข้าไปส่งในห้องผ่าได้ จนลูกดมยาสลบเท่านั้น
มีพยาบาลให้เรา เปลี่ยนเสื้อคุมหมวกจับมือลูกตามเข้าไปที่ห้องผ่ามีคนอยู่ในนั้นเป็น20คนเลย และมีท่านหนึ่งให้ จชทก จับฝาครอบให้ลูกดม พอลูกสลบ เขาถึงเชิญจขกท ออกเพื่อทำการผ่าตัด พอออกมาหน้าห้องผ่าร้องไห้ๆๆเดินวนเหมือนในละครเลยคะ สามีได้แต่หน้าแดงๆนั่งเงียบๆ พอมองนาฬิกาผ่านไปครึ่ง ชม. ในใจคิดนานจังแค่เย็บแผลทำมัยนานขนาดนี้ จะเป็นอะไรมากมั้ย ยิ่งคิดยิ่งร้องวนไปวนมา ตาลูกจะเป็นอะไรมั้ย จะบอดมั้ย ถ้าบอดเอาตาเราไปใส่แทนได้เลยมั้ย
ผ่านไป ชม กว่าๆ คุณหมอศัลออกมาแจ้งว่า ตอนนี้ได้ทำการเย็บแผลน้องเรียบร้อยแล้ว ในลูกตามีเศษใบพัดพัดลมอยู่ขนาด3มม.ที่ตาขาวได้ทำการเอาออกและทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว จขกท สอบถามเรื่องตาดำมีปัญหามั้ย หมอแจ้งว่าตาดำเท่าที่เห็นไม่เป็นอะไร แต่ยังตอบอะไรมากไม่ได้
หมอจักษุ คือหมอเฉพาะทางไม่อยู่เพราะช่วงเทศกาล อ่าววว มามืดอีกแล้ว รอใช้มั้ยต้องรอใช้มั่ย ลูกช้านรอไม่ได้นะดวงตาหนึ่งดวงมีความหมายกับลูกฉันมาก..."
"อ้อนวานเลยคะ หมอศัลตามหมอจักษุที ห่วงลูกมากขอร้องให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มก็ได้ยอมทุกอย่าง หมอศัลก็แจ้งว่าจะบอกท่านให้นะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือท่านหยุดสงกรานรับปากไม่ได้ว่าจะมาดูให้ได้มั้ย จขกท ก็ว่าไม่เป็นไรแจ้งให้หน่อย เด็กแค่3ขวบ10เดือนเองถ้าตาบอด จขกท ทำใจไม่ได้แน่ๆ พอคุยกันซักพักก็พาน้องกลับๆปพักผ่อนต่อที่ตึกเด็ก ในใจได้แต่คิดเราใช้สิทธิ 30 บาท หมอจะเข้ามาดูให้เป็นเคสพิเศษมั้ย ถึงไม่มาก็ว่าหมอไม่ได้ได้แต่รอความหวัง ในใจก็คิดว่าหมอศัลจะแจ้งให้มั้ย หรือรับปากไปงั้นๆ ช่วงบ่ายๆน้องฟื้นแต่ยังสลืมสลือ
หมอศัลเข้ามาตรวจทั่วไปแล้วแจ้งว่า หมอจักษุตอนนี้ติดธุระ จะเข้ามาได้ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ เราก็ค่ะๆ ไม่อยากคาดหวังมาก พอเย็นๆเห็นผู้ชายใส่ชุดสูทเดินเข้ามามีพยาบาลวิ่งตามหลังมาก็พอรู้ว่าหมอแกสอบถามอาการและเอาไฟฉายส่อง น้องยังหลบแสง แต่หมอจะดูภายในดวงตาด้วยความที่ น้องเจ็บตาบวมยังเป็นปัญหาที่ยังดูไม่ได้ หมอแจ้งว่าเบื่องต้นน้องยังสามารถหลบแสงได้แต่ส่วนอื่นต้องรอน้องพร้อมก่อน เราก็ขอบคุณหมอจักษุ ที่มาดูเคสลูกเราให้ทั่งที่ท่านมาแต่ด้วยความที่ลูกเรายังไม่พร้อมในใจก็รู้สึกเกรงใจท่าน
น้องบันบันพอฟื้นก็เล่นได้ตามปกติ ไม่มีไข้วัดความดันตลอด อยู่โรงพยาบาล 1 คืน หมอศัลก็แจ้งให้กลับบ้านได้ไม่ติดอะไร ทั้งนี้ต้องถามหมอจักษุ เราก็ไม่ติดอะไรอยู่โรงพยาบาลได้ขอให้ลูกปลอดภัย แต่หมอจักษุแจ้งว่ากลับบ้านได้แล้วนัดมาตรวจวันที่ 16เม.ย นี้ ตามด้วยหมอศัลนัด 20เม.ย. ก่อนกลับคุณพยาบาลมาสอนวิธีทำความสะอาดแผล คุณพยาบาลพูดเพราะใจดีใจเย็นมาก
พรุ่งนี้เราต้องพาลูกไปหาหมอจักษุแล้วนะคะขอให้เช็คตาแล้วผลออกมาอย่างที่เราหวังไว้ ถามว่าทำใจได้มั้ยตอนนี้ทำใจได้นะแต่ไม่อยากให้เป็นอย่างอื่น อยากให้คุณหมอแจ้งว่า ปกติไม่มีปัญหาเราจะได้ยิ้มออกซักที ต้องขอขอบคุณบุคคลตัวอย่างทางการแพทย์
1.น.ท.พัทยา ตันธนาธิป หมอศัลยกรรมที่ผ่าตัดน้องบันบัน และเป็นธุระตามหมอจักษุให้ทั้งที่ไม่ต้องก็ได้
2.ร.ท.สุกิจ นิ่มนวลวัฒนา หมอเฉพาะทางจักษุ ทั้งที่เป็นวันหยุดพิเศษ ยังเข้ามาตรวจให้ เห็นคนไข้เป็นสำคัญทั้งที่ท่านไม่ต้องมาก็ได้
3.คุณ พยาบาลณัฏฐพัชรี ตึกกุมาร80/5 น่ารักใจดีเล่นหุ่นยนต์กับน้องบันๆคุยเล่นกับน้องยิ้มแย้มแจ่มใส และพยาบาลท่านอื่นๆด้วย
4.บุรุษพยาบาล มาส่งคนไข้เคสอื่นที่ห้องยังแวะมาถามอาการน้อง
5.แม่บ้านห้องกุมาร เป็นแม่บุรุษพยาบาลก็มาสอบถามอาการน้องด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน
6.เวรเปลพอลงจากตึกมาจำได้รีบช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมถามอาการน้องด้วยความเป็นห่วง
ขอบคุณทุกท่านๆๆที่รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ที่เห็นคนไข้เป็นสิ่งสำคัญมีจรรญาบรรความเป็นแพทย์เต็มเปี่ยม เป็นบุคลากรที่ดีในด้านการให้บริการเราตื้นตันมากทั่งที่เป็นเคส30บ.ฉุกเฉินต่างจังหวัดด้วยขอบคุณจริงๆ
ปล.นิดหนึ่ง เราไม่เข้าใจว่ามีบัตร30บาทไปแสดงแล้วทำมันกฎต้องตั้งขึ้นมาว่าต้องใช้ใบเกิด หรือ สำเนาทะเบียนบ้านเท่านั้น เพราะเรามาเที่ยวไม่ได้เตรียมใจมาเจออุบัติเหตุไม่ได้พกมาหรอกใบเกิดมันใหญ่มาก แต่บัตร 30 มันใส่ในกระเป๋าตลอด ถ้าเกิดอุบัติเหตุต่างจังหวัดไกลๆและช่วงเทศกาลไม่มีใครอยู่บ้านมันลำบากมากๆที่จะไปเอา
พรุ่งนี้เราพาลูกไปตามนัดกับหมอจักษุขอกำลังใจด้วยนะ ขอพรด้วยคะ ขอให้ลูกชายเราสายตาปกติดีแค่นี้คนเป็นแม่อย่างเราก็ยิ้มได้แล้ว เข้าใจคำว่าใจสลายเลยเจอแบบนี้ ระวังไว้นะคะพัดลมเพดาน หัดลมที่ห้อยๆเวลามันเก่ามันเกิดอันตรายขึ้นได้ทางที่ดีอย่าใช้เลยคะใช้พัดลมตั้งพื้นพอมันเป็นอุบัติเหตุภัยในบ้านที่พวกเราอาจจะไม่นึกไม่ฝันว่าจะเกิด ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิด แต่อุบัติเหตุเกิดได้ทุกที่ ขอบคุณค่ะ"
หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์เตือนใจทุกคนให้ระมัดระวังกันมากขึ้น เพราะอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจริงๆ teenee.com ขอเป้นกำลังใจให้ลูกชายของเจ้าชองกระทู้หายโดยเร็ววัน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!