หลังเดินทางมาถึงอาร์ซีเอ ผู้เขียนยังไม่ทราบว่า เสาต้นดังกล่าวอยู่ที่บล็อกใดของที่จอดรถ จึงอาศัยสุ่มเดินจากบล็อกแรกไปเรื่อยๆ ภายในลานจอดปกคลุมไปด้วยความมืดและเงียบสงัด แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตาม แต่ให้ความรู้สึกวังเวงไม่น้อย จำนวนรถที่จอดแน่นยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดและไม่น่าวางใจ มีเพียงเสียงท่อน้ำและเครื่องจักรที่ทำงานหนักราวกับว่ามีชีวิต
หลังผู้สื่อข่าวเดินผ่านลานจอดรถบล็อกแรกจนทั่ว กลับไม่พบร่องรอยของเสาต้นดังกล่าวแต่อย่างใด ในใจยังเตือนสติตัวเองว่า "เสาต้นดังกล่าวอาจจะไม่อยู่ในบล็อกนี้" แต่อีกความคิดก็แอบวิตกว่า "หรือจะโดนเข้าให้แล้ว" ประมาณว่าตั้งใจเดินหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แบบนั้นจะยิ่งน่ากลัวกว่าซะอีก แต่สุดท้ายก็ยังทำใจดีสู้เสือ เดินต่อถึงบล็อก E ซึ่งบรรยากาศไม่ต่างกัน เงียบสนิทมาก พอเข้ามาถึงบล็อก E จุดนำสายตาก็ไปอยู่ที่เสาต้นหนึ่ง ที่มีสภาพต่างออกไป ใจที่เคยดีสู้เสือกลับร่วงไปเกือบถึงรองเท้าผ้าใบที่ใส่มา เราเจอเสาต้นที่ตามหาแล้ว....
ภาพที่เห็นสร้างความความอึดอัดเป็นอย่างมาก เสาต้นดังกล่าวเป็นเสาปูน แต่ถูกเรียกว่า เสาตกน้ำมัน ถูกมัดด้วยผ้าสามสี มีคนนำ น้ำแดง นม มาถวาย ทุกขวดเป็นของใหม่เหมือนเพิ่งมาถวายเร็วๆ นี้ แต่ที่เป็นจุดพีคที่สุด คือชุดไทยที่เรียงรายอยู่บนราว นับได้ประมาณสิบกว่าชุด พร้อมกับกระจกบานเล็ก ที่ยืนส่องคงไม่เห็น เพราะมันอยู่ในระยะของคนนั่งส่อง... และเครื่องสำอางค์ อุปกรณ์แต่งหน้า ชุดชั้นใน สร้อยคอ เครื่องประดับ พวงมาลัย และน้ำอบ ดูจากสิ่งของแล้วก็พอรู้ว่า เป็นการนำมาถวายให้ "ผู้หญิง"
หลังสำรวจเสาต้นดังกล่าวพอเป็นพิธี ได้รีบเก็บภาพบางส่วนแล้วเดินออกมาอย่างเร่งด่วน เพื่อตามหาคนแถวนั้น และสอบถามความเป็นมา จากนั้นผู้เขียนได้พบกับ รปภ. นายหนึ่งที่ต้องนั่งดูแลพื้นที่บริเวณดังกล่าว ซึ่ง รปภ. รายนี้ได้เล่าให้เราฟังคร่าวๆ ดังนี้