โรคไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค อาการเริ่มแรกที่พบหลังจากที่ได้รับเชื้อจากยุงลายประมาณ 5-8 วัน ซึ่งถือว่าเป็นระยะฟักตัว ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการ และมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน
โรคไข้เลือดออก มีอาการสำคัญที่ต้องสังเกต ดังนี้
• มีไข้สูงลอย 2-7 วัน
• มีอาการเลือดออก ส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณผิวหนัง
• มีตับโต กดเจ็บ และมักจะคลำได้ในวันที่ 3-4 นับจากเริ่มป่วย
• มีภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลว/ภาวะช็อก
โรคไข้เลือดออก แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ
1. ระยะไข้สูง
- มีไข้สูง ประมาณ 2-7 วัน ถึงจะกินยาลดไข้ หรือเช็ดตัวแล้ว ไข้ยังไม่ลด ความสูงของไข้ในผู้ติดเชื้อแต่ละรายจะไม่เท่ากัน คุณพ่อคุณแม่สามารถเช็ดตัว หรือให้กินยาลดไข้ (พาราเซตามอลเท่านั้น) ระวังอย่าให้มากเกินความจำเป็น เพราะอาจจะทำให้ ตับต้องทำงานหนัก อาจทำให้มีภาวะตับวาย หรือตับอักเสบรุนแรงได้
- ใบหน้าและตามลำตัว มีอาการแดงผิดปกติ บางรายอาจมีอาการเยื่อบุตาอักเสบร่วมด้วย หรือมีผื่นขึ้น
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
- อาจมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง เช่น มีจุด หรือมีเลือดกำเดาออก
ระยะนี้ถือเป็นระยะสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรเฝ้าสังเกตอาการ การเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการดูแลสุขภาพลูกอย่างใกล้ชิด หรือรีบพาลูกพบแพทย์ทันทีค่ะ
2. ระยะวิกฤติ/ช็อก
อาการที่ต้องเฝ้าระวังนั่น คือ ระหว่างที่มีไข้ ไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมง ขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละราย ที่มีความรุนแรงของโรคไม่เท่ากัน ในตอนนี้ อาจมีการรั่วของพลาสมา (plasma) หรือน้ำเหลืองออกนอกเส้นเลือด และหากการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือดเป็นจำนวนมาก จะทำให้คนไข้เกิดภาวะช็อกได้ ภาวะช็อกนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีผู้ป่วยจะมีอาการเพิ่มขึ้น และอาจเสียชีวิตภายใน 12-24 ชั่วโมง หลังภาวะช็อกได้
3. ระยะฟื้นตัว
ลักษณะของอาการโดยทั่วไปดีขึ้น หลังจากที่มีการดูดกลับของพลาสมาเข้าสู่กระแสเลือด ชีพจรเต้นช้าลงจากช่วงระยะวิกฤตที่มักจะเต้นเร็วกว่าปกติ สามารถรับประทานอาหารได้ ในบางรายจะพบผื่นขึ้นตามร่างกาย เรียกว่าผื่นในระยะพักฟื้น และปัสสาวะได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับระยะวิกฤติ คุณหมอจะหยุดการให้สารน้ำทางเส้นเลือด เพื่อป้องกันการแทรกซ้อนจากภาวะน้ำเกินได้
การป้องกัน
- ดูแลสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดจากยุงลาย ตวรจสอบบริเวณที่เป็นน้ำขัง และควรกำจัดแหล่งน้ำขังนี้ให้หมด
- ยุงลายจะออกหากินในเวลากลางวัน จึงไม่ควรประมาท ด้วยการปิดประตู หรือมุ้งลวดให้เรียบร้อยทุกครั้ง
- หมั่นสังเกตอาการของลูกน้อย หากลูกมีอาการที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ควรรีบพบแพทย์ทันทีค่ะ
การดูแลรักษาเบื้องต้น
1. เช็ดตัวลดไข้ โดยใช้น้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น ระหว่างเช็ดตัวหากมีอาการหนาวสั่นก็หยุดและห่มผ้าบางๆ ในเด็กเล็กเมื่อไข้สูงมากอาจจะเกิดอาการชักได้ โดยเฉพาะคนที่เคยมีประวัติชักตั้งแต่เด็ก
2. ให้รับประทานยาพาราเซตามอลลดไข้ได้
3. ห้ามกินยาแอสไพรินหรือยาในกลุ่มลดไข้สูง เพราะยาในกลุ่มนี้มีผลทำให้เลือดออกง่ายขึ้น เพราะมีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือดซึ่งเป็นกลไกสำคัญเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดในร่างกาย ในบางรายอาจทำให้เกล็ดเลือดต่ำลง หรือทำงานผิดปกติ เลือดจะออกไม่หยุด และเสียชีวิตได้
4. ทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม นม น้ำหวาน น้ำผลไม้ เป็นต้น
5. ให้ลูกพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ถ้าลูกของคุณยังวิ่งเล่นได้ และทานอาหารได้เป็นปกติ คุณก็สามารถปฐมพยาบาลที่บ้านได้ แต่หากอาการเป็นตรงกันข้าม รวมถึงมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ซึมลง หรือมีอาการเลือดออกร่วมด้วย ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ

Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว