เเพทย์เตือน! ใครชอบดื่มน้ำเย็น ระวังภัยเงียบอันตรายถึงชีวิต
เฟซบุ๊กเเฟนเพจ Healthy Girl ผู้หญิงสวย สุขภาพดี ได้เผยภาพเตือนหลายๆคน ที่ชอบดื่มน้ำเย็นๆ โดยโพสต์ระบุข้อความว่า
กลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นและ
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ชื่อ The effect of water of temperature and voluntary drinking on the post rehyration sweating.และบทความใน
สถาบันวิจัยสาธารณสุข(สวรส)ยันว่าน้ำอุ่นมีประสิทธิภาพ 100% ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพ เช่น:
1. ไมเกรน
2. ปัญหาความดันโลหิตสูง
3. ปัญหาความดันโลหิตต่ำ
4 ข้อต่อปวดเข่าในตอนสูงอายุ
5. การเพิ่มขึ้นและลดลงของการเต้นของหัวใจอย่างฉับพลัน
6. ลดระดับคอเลสเตอรอล
7. ลดอาการไอ
8. ลดอาการไข้ไม่สบาย
9. ช่วยลดอาการบวมน้ำ
10. การอุดตันของหลอดเลือดดำ
11. โรคที่เกี่ยวข้องกับมดลูกและปัสสาวะ
12. ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของกระเพาะและลำไส้
13. โรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตาหูและลำคอ
14. ปวดหัว
15.ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค
16.ช่วยแก้อาการมือเท้าเย็น
วิธีดื่มน้ำอุ่น
ตื่นนอนตอนเช้าดื่มน้ำอุ่นประมาณ 4 แก้วเมื่อท้องว่างทันที
การบำบัดด้วยน้ำอุ่นจะช่วยป้องกันและแก้ปัญหาสุขภาพภายในระยะเวลาที่เหมาะสมเช่น
โรคเบาหวาน
ความดันโลหิต
ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
การอุดตันของเส้นเลือด
ลดความกระหายอาหาร
มดลูกและโรคที่เกี่ยวข้องปัญหาประจำเดือน
ปัญหาจมูกหูและลำคอ
โรคหัวใจ
ปวดศีรษะ / ไมเกรน
คอเลสเตอรอล
หอบหืดภายใน
ผู้ที่กำลังควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด และออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก ควรดื่มน้ำอุ่นมากกว่าน้ำเย็น การลดน้ำหนักจึงจะได้ผลดีกว่า น้ำอุ่นช่วยเพิ่มอุณหภูมิบริเวณกลางลำตัวให้สูงขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหาร ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น และยังช่วยลดไขมันในร่างกายลงได้อีกด้วย
น้ำเย็นจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ:ในภาวะที่ร่างกายออกกำลังกาย
ถ้าน้ำเย็นไม่ส่งผลต่อคุณในวัยหนุ่มสาวมันจะเป็นอันตรายต่อคุณในวัยชรา
น้ำอุ่นได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารช่วยลดอาการปวดที่เกิดจากการมีประจำเดือนและอาการปวดหัว น้ำอุ่นจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น หรือหากคุณเป็นตะคริว คุณควรดื่มน้ำอุ่น เพราะจะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ถูกบีบรัดผ่อนคลาย
*ทีนี้เรามาดูประเด็นที่ว่า...ระหว่างน้ำอุ่นกับน้ำเย็น อันไหนดีกว่า และเหมาะกับสภาพร่างกายมากกว่ากัน (หลายท่านคงมีคำตอบในใจบ้างแล้ว?)
อย่างที่ทราบกันดีว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน เราต้องดื่มน้ำเย็นเพื่อดับกระหาย...ถ้าใครคิดแบบนี้ รีบเปลี่ยนความคิดก็ดีนะคะเป็นความคิดที่ผิด ทำไมถึงไม่เป็นเช่นนั้น?
ปกติร่างกายคนเรานั้นอุ่น อุณหภูมิกายอยู่ที่ 37-37.2 องศาเซลเซียส การรับประทานน้ำเย็นทำให้อุณหภูมิแกนกลางของร่างกายเปลี่ยนไปครู่นึง อวัยวะภายในทำงานไม่สมดุลกัน ทำให้ร่างกายต้องเพิ่มความร้อนแกนกลางเพื่อปรับสมดุลให้ร่างกายอยู่ในสภาวะเดิม ยกตัวอย่างง่ายๆ เราลองเอาเท้าแช่น้ำเย็นดูค่ะจะเกิดอะไรขึ้น เท้าซีด เย็น ชา เลือดไม่เดิน พอยกเท้าออก ร่างกายก็ปรับสมดุลให้เลือดไปเลี้ยงเท้ามากขึ้น ใช่ค่ะเวลาเราดื่มน้ำเย็นๆ อวัยวะภายในก็ตอบสนองเช่นกัน ทำให้ร่างกายทำงานหนักขึ้นเพื่อปรับสมดุล นั่นหมายความว่าร่างกายทำงานหนักขึ้นโดยใช่เหตุ
แล้วขณะที่รับประทานอาหารล่ะ ควรดื่มน้ำหรือไม่? ตอบแบบมั่นใจได้เลยว่าไม่ควรดื่ม เนื่องจากน้ำย่อยกำลังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดื่มน้ำขณะรับประทานอาหารทำให้น้ำย่อยทำงานได้ไม่เต็มที่ ยิ่งดื่มน้ำเย็นเข้าไป ก็ยิ่งทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักขึ้น น้ำย่อยทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ เกิดภาวะจุกเสียดแน่นท้องได้ และอาจมีภาวะท้องผูกได้เหมือนกัน แต่ถ้าในมื้ออาหารมีน้ำซุปก็ควรรับประทานน้ำซุป หรือจิบน้ำเปล่า(ไม่เย็น)เล็กน้อยได้เพื่อให้โล่งคอเท่านั้น และการดื่มน้ำระหว่างวันนั้น ควรจิบน้ำ(อุ่น)เรื่อยๆตลอดวันดีกว่าการดื่มน้ำครั้งละมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ไตทำงานหนักจนเกินไปด้วย
***สรุป การดื่มน้ำอุ่นดีกว่าน้ำเย็นแน่นอนถ้ารักสุขภาพก็หันมาจิบน้ำอุ่น
***ทำไมคนจีนอายุยืนและสุขภาพดี คนจีนชอบดื่มน้ำอุ่น ในทางการแพทย์แผนจีนมองว่า ของเย็นจะทำให้ม้ามกระเพาะเกิดความชื้น ก็จะส่งผลต่อระบบย่อยอาหารและทางเดินอาหาร
เวลารับประทานอาหารจะไม่ดื่มน้ำตามทันที
หรือถ้ามื้ออาหารนั่นมีซุปก็จะดื่มน้ำซุปแทนการดื่มน้ำชึ่งแตกต่างจากวิถีคนไทย บางคนกินข้าวคำน้ำคำ ซึ่งเป็นพฤกติกรรมที่ไม่ถูกต้อง