รู้จัก สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน


รู้จัก สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

"สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์" จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561 มีฐานะเป็นนิติบุคคล เป็นหน่วยงานในพระมหากษัตริย์ มีหน้าที่จัดการ ดูแลรักษา จัดหาผลประโยชน์ และดำเนินการอื่นใดอันเกี่ยวกับทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ตามที่จะทรงมอบหมาย โดยพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561 ได้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2561 โดย "ตราเครื่องหมายของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์" ใช้ครุฑครอบพระมหามงกุฎ และมีชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้ครุฑ

จุดกำเนิดการบริหารจัดการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
การบริหารจัดการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับการปกครองในระบอบที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีวิวัฒนาการเคียงคู่กับประวัติศาสตร์ชาติไทยมาโดยตลอด นับตั้งแต่สมัยที่ประเทศไทยยังปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ทรัพย์สินในราชอาณาจักรเป็นของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงอยู่ในฐานะ "พระเจ้าแผ่นดิน" แต่เพียงพระองค์เดียว

ขณะเดียวกัน พระมหากษัตริย์ได้ทรงพยายามแยกพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ออกจากทรัพย์สินของแผ่นดิน โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) การค้าขายกับต่างประเทศเจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก จึงได้ทรงเก็บสะสมกำไรที่ได้จากการค้าสำเภาซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ไว้ในถุงผ้าสีแดงซึ่งเรียกกันว่า "เงินถุงแดง" ไว้ข้างพระแท่นที่บรรทม เรียกว่า "เงินข้างที่" ซึ่งต่อมามีจำนวนมากขึ้นก็เก็บไว้ในห้องข้างๆที่บรรทม จึงเรียกว่า "คลังข้างที่"

"โดยได้พระราชทานให้ไว้เป็นทุนสำรองให้แก่แผ่นดินสำหรับใช้ในยามบ้านเมืองเกิดภาวะคับขัน"



จุดเริ่มต้น "สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์"
และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้เกิดเหตุวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 (พ.ศ.2426) ที่สยามเกิดกรณีพิพาทกับฝรั่งเศสจึงได้นำเงินถุงแดงมาสมทบเพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหายและค่าประกันแก่ฝรั่งเศส จนสามารถรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติไว้ได้

ซึ่งเมื่อรายได้ของแผ่นดินมากขึ้นอันเนื่องมาจากการปฏิรูปทางการเงิน ในปี พ.ศ.๒๔๓๓ มีการจัดตั้ง "กระทรวงการคลัง" ขึ้นมาเป็นครั้งแรก ส่งผลให้จำนวนเงินที่ได้รับการจัดสรรของกรมพระคลังข้างที่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ในช่วงแรกรายได้ของกรมพระคลังข้างที่ นำไปเป็นค่าใช้จ่ายส่วนพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาพระราชวัง และค่าใช้จ่ายในการเสด็จไปทรงศึกษาต่อยังต่างประเทศของพระราชโอรสเป็นหลัก เมื่อรายได้เพิ่มมากขึ้นจึงมีเงินเหลือจ่ายจากค่าใช้จ่ายดังกล่าว จึงเกิดการริเริ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้างอาคารพาณิชย์ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนและให้โอกาสในการทำการค้าขาย

รู้จัก สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน


นอกจากนี้ เมืองสำคัญในต่างจังหวัดยังได้มีการสร้างตลาดขึ้น เพื่อนำค่าบำรุงตลาดไปใช้ในการพัฒนาระบบสุขาภิบาลและสาธารณูปโภคพื้นฐานในเขตศูนย์กลางเมืองใหม่เหล่านี้ควบคู่พร้อมไปกับการตัดถนนของกระทรวงโยธาธิการ รวมถึงได้มีการเปลี่ยนชื่อหน่วยงานเป็น "สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" ตามความในพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2479

"ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการปฏิรูประบบการคลังใหม่ และมีการจัดทำงบประมาณแผ่นดินเป็นครั้งแรก เพื่อให้รายรับและรายจ่ายของแผ่นดินเป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผนซึ่งการจัดทำงบประมาณในครั้งนี้ได้ แยกพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ออกจากทรัพย์สินของแผ่นดินอย่างเด็ดขาด โดยทรงมอบหมายให้ "กรมพระคลังข้างที่" เป็นผู้จัดการดูแลพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์"

ต่อมาได้มีการปรับปรุงแก้ไข และยกเลิกพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์อีก 3 ครั้ง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม คือ พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2484

พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2491
และพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2560

รวมถึงได้เปลี่ยนชื่อหน่วยงานเป็น "สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์" ตามความในพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561

ดังที่กล่าวข้างต้นนี้ ถือได้ว่า สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นรากฐานของทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน

รู้จัก สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน


รู้จัก สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

เครดิตแหล่งข้อมูล : www.crownproperty.or.th


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์