เผยข้อมูลหลักสูตรกระโดดร่ม พระองค์ภา ระดับความสูง 35,000 ฟุต
'พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา กับการกระโดดร่มแบบ HALO และ HAHO
พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงทำการฝึกหลักสูตรแทรกซึมทางอากาศเบื้องสูงยุทธวิธี เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี
โดยทรงทำการฝึกการทรงตัวท่าทางในอากาศ และการบังคับทิศทางในอากาศที่อุโมงค์ลม และจะทรงทำการฝึกหลักสูตรแทรกซึมทางอากาศเบื้องสูงยุทธวิธี หรือที่ทหารรบพิเศษ เรียกว่า Free Fall คือ กระโดดร่มแบบกระตุกเอง จากที่ทรงเคยฝึกกระโดดร่มแบบ Static Line มาแล้ว สำหรับการฝึกกระโดดร่มแบบ Free Fall นี้ จะมีทั้งการฝึกแบบ HAHO และ HALO โดยแบบ HAHO (High Altitude High Opening) จะเป็นการกระโดดร่มแบบโดดสูง และเปิดร่มสูง เป็นยุทธวิธีของการแทรกซึมเบื้องสูงของทางทหาร เป็นการกระโดดนอกพื้นที่ของข้าศึก แต่ลงไปในพื้นที่หรือหลังแนวของข้าศึก เพื่อปฏิบัติการทางยุทธวิธีภาคพื้นดิน เปิดร่มสูงที่ระดับความสูง 12,000-24,000 ฟุต AGL (Above Ground Level : เหนือระดับพื้นดิน)
การกระโดดร่มทางทหารในระดับสูงมาก (High-altitude military parachuting) การกระโดดร่มทางทหารในระดับความสูงมาก (หรือการกระโดดร่มแบบอิสระทางทหาร (Military Free Fall : MFF)) เป็นวิธีการส่งกำลังพล อุปกรณ์ทางทหาร และสิ่งของทางทหารอื่น ๆ จากเครื่องบินลำเลียงที่ระดับความสูงมากโดยการกระโดร่มชูชีพ ใช้เทคนิคสองอย่าง : HALO (ความสูงมาก - การเปิดร่มในระดับต่ำ มักเรียกว่าการกระโดด HALO) และ HAHO (ความสูงมาก - การเปิดร่มสูง)
ในเทคนิค HALO นักกระโดดร่มจะเปิดร่มชูชีพที่ระดับความต่ำ หลังจากที่กรโดดออกจากเครื่องบินระยะเวลาหนึ่ง ในขณะที่เทคนิค HAHO นักกระโดดร่มจะเปิดร่มชูชีพที่ระดับความสูงเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากกระโดดออกจากเครื่องบิน แม้ว่าเทคนิค HALO จะได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในทศวรรษที่ 1960 สำหรับการใช้งานทางทหาร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการออกแบบร่มชูชีพ HALO ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในการใช้งานที่ไม่ใช่ทางทหาร ซึ่งรวมถึงรูปแบบของการกระโดดร่มด้วย ในการปฏิบัติการทางทหาร HALO ยังใช้ในการส่งอุปกรณ์เสบียงรือกำลังพลในขณะที่ HAHO มักใช้สำหรับกำลังพลเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วการแทรกซึมด้วยการกระโดดร่มแบบ HALO / HAHO ทหารผู้โดดจะกระโดดจากระดับความสูงระหว่าง 15,000 ฟุต (4,600 ม.) ถึง 35,000 ฟุต (11,000 ม.) AGL
ต้นกำเนิดของเทคนิคการกระโดดร่มแบบ HALO ย้อนกลับไปในปี 1960 เมื่อกองทัพอากาศสหรัฐฯเริ่มทำการทดลองตามการทดลองก่อนหน้านี้ของ น.อ. John Stapp ช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 ถึงต้นทศวรรษ 1950 ในเรื่องของความสามารถในการอยู่รอดของนักบินที่ดีดตัวออกจากเครื่องบินกรณ๊สละเครื่องในระดับความสูงมาก น.อ. Stapp ผู้ซึ่งเป็นนักชีวฟิสิกส์ด้านการวิจัยและการแพทย์ได้ใช้ตัวเองในการทดสอบจรวดเพื่อศึกษาผลกระทบของแรง g ในระดับความสูงที่สูงมาก น.อ. Stapp ยังแก้ปัญหาหลายอย่างของการบินในระดับความสูง อันเป็นงานแรกสุดของเขาให้กับกองทัพอากาศ และให้ตัวเองทดลองกับความสูงถึง 45,000 ฟุต (14,000 ม.) ต่อมาได้ช่วยพัฒนาชุดรับแรงกดและเก้าอี้ดีดตัว ซึ่งถูกนำมาใช้ในเครื่องบินไอพ่นนับตั้งแต่นั้นมา
ในการทดลองเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 1960 น.อ. Joseph Kittinger ได้ทำการกระโดดระดับสูงครั้งแรกของโลกที่ระดับความสูง 19.5 ไมล์ (31.4 กม.) เหนือพื้นผิวโลก เพื่อนของ Kittinger และนักโดดร่มทดสอบการกระโดดร่มของกองทัพเรือสหรัฐฯ Joe Crotwell เป็นหนึ่งในที่ปรึกษา และผู้ทดสอบการกระโดดร่มของโปรแกรมเดิม ครั้งแรกที่ใช้เทคนิคนี้ในการรบคือ ช่วงสงครามเวียดนาม โดยเป็นปฏิบัติการในราชอาณาจักรลาว(ในขณะนั้น)โดยสมาชิกของ MACV-SOG ต่อมาทีม SEAL ของกองทัพเรือสหรัฐฯได้ขยายเทคนิค HALO เพื่อใช้ในการเข้าตรวจสอบเรือสินค้าขนาดใหญ่อื่น ๆ ด้วย
เทคนิคนี้ใช้ในการทิ้ง เสบียง อุปกรณ์ หรือบุคคลในระดับที่สูงมากโดยเครื่องบินสามารถบินเหนือระดับการความสูงของขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ (SAM) ผ่านน่านฟ้าของข้าศึก โดยไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อปฏิบัติการร ในกรณีที่ปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานทำงานอยู่ใกล้กับจุดกระโดด เทคนิค HALO ยังช่วยลดการถูกสะเก็ดกระสุนและระเบิดของนักโดดด้วย โดยเครื่องบินลำเลียงทางทหารจะปล่อยนักโดดออกทางประตูลำเลียงท้ายเครื่อง (Ramp)
ในการฝึกกระโดดร่มแบบ HALO โดยทั่วไปนักโดดจะกระโดดลงจากเครื่องบินลอยตัวอย่างอิสระระยะเวลาหนึ่งด้วยความเร็ว และเปิดร่มชูชีพที่ระดับความสูงต่ำที่ 3,000 ฟุต AGL ตามแต่ภารกิจ เป็นการรวมกันเทคนิคในการควบคุมของความเร็วร่วงหล่น ให้ความเร็วลมที่พุ่งไปข้างหน้าน้อยที่สุด และการใช้อุปกรณ์โลหะน้อยที่สุด เพื่อช่วยให้รอดจากการตรวจจับด้วยเรดาร์ และลดระยะเวลาที่ผู้สังเกตการณ์ภาคพื้นดินฝ่ายตรงข้ามซึ่งอาจมองเห็นร่มชูชีพ ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าพื้นที่เป้าหมายได้อย่างลับๆ
High Altitude High Open : HAHO เทคนิค HAHO ใช้ในการลอยตัวของนักโดดในระดับความสูงมาก เมื่อเครื่องบินไม่สามารถบินเหนือท้องฟ้าของศัตรูได้โดยไม่เป็นภัยคุกคามต่อผู้กระโดด นอกจากนี้การกระโดดร่มแบบ HAHO ยังใช้ในการแทรกซึมทางทหาร (โดยทั่วไปคือกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ) เข้าไปในดินแดนของศัตรูในสถานการณ์ที่รูปแบบการปฏิบัติการแทรกซึมอาจถูกตรวจพบด้วยเสียงจากการเปิดร่มชูชีพในระดับต่ำ นอกจากนั้นแล้วการกระโดดร่มแบบ HAHO ยังช่วยให้นักโดดสามารถเดินทางได้ระยะทางไกลขึ้น ด้วยระยะร่อนจากความสูงที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้สามารถเดินทางได้ไกลกว่า 40 ไมล์ (64 กม.) เลย ในการออกกำลังกายแบบ HAHO โดยทั่วไปผู้โดดจะกระโดดลงจากเครื่องบิน และเปิดร่มชูชีพที่ระดับความสูง 10-15 วินาทีหลังจากกระโดดออกจากเครื่องบิน (โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 27,000 ฟุต (8,200 ม.) หรือมากกว่านั้น)
โดยนักโดดต้องดูเข็มทิศ หรืออุปกรณ์ GPS เพื่อประกอบการร่อนเป็นระยะทาง 30 ไมล์ขึ้นไป (48+ กิโลเมตร) นักโดดต้องกำหนดจุดและลักษณะภูมิประเทศเพื่อนำทางไปยังจุดลงพื้นที่ต้องการ และแก้ไขเส้นทางการร่อนตามลักษณะการเปลี่ยนแปลงความเร็วและทิศทางลม หากปฏิบัติการเป็นทีมจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มในขณะที่ร่อนอยู่ในอากาศ โดยปกตินักโดดในตำแหน่งต่ำสุดจะกำหนดเส้นทางการเดินทางและทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดแนวการร่อนให้กับสมาชิกในทีมคนอื่น ๆ Charles "Nish" Bruce นักโดดผู้มากประสบการณ์แห่งหน่วยรบพิเศษของอังกฤษ (22 SAS) ถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ทำการทดลองและพัฒนายุทธวิธีการกระดดดร่มแบบ HAHO ซึ่งกองกำลังพิเศษใช้เป็นประจำในการแทรกซึมพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง
ความเสี่ยงในด้านสุขภาพ การกระโดดร่มทุกประเภทถือเป็นความเสี่ยงที่อันตราย แต่ HALO / HAHO มีความเสี่ยงมากเป็นพิเศษ ที่ระดับความสูง (มากกว่า 22,000 ฟุตหรือ 6,700 ม.) ความดันบางส่วนของออกซิเจนในชั้นบรรยากาศของโลกจะต่ำ จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนในการหายใจของมนุษย์และอาจทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนได้ นอกจากนี้การบินขึ้นอย่างรวดเร็วของเครื่องบินเมื่อทำการกระโดดร่มโดยมีไนโตรเจนซึ่งไม่ถูกขับออกจากกระแสเลือดจนหมด อาจทำให้เกิดอาการป่วยจากการบีบอัดหรือที่เรียกว่าโรค caisson รือ "อาการ ฺ"Bends" (เช่นเดียวกับการดำน้ำลึก)
การฝึกกระดดดร่มแบบ HALO โดยทั่วไปจะต้องมีช่วงก่อนการหายใจ (30-45 นาที) ก่อนที่จะกระโดดโดยที่นักโดดจะหายใจออกซิเจน 100% เข้าปอดเพื่อล้างไนโตรเจนออกจากกระแสเลือด นอกจากนี้นักโดด HALO จะต้องใช้ถังออกซิเจนในระหว่างการกระโดด อันตรายอาจมาจากสภาวะทางการแพทย์ที่มีผลต่อนักโดด ตัวอย่างเช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ยา (รวมถึงยาแก้แพ้ ยาระงับประสาท และยาแก้ปวด) โรคโลหิตจาง คาร์บอนมอนอกไซด์ ความเหนื่อยล้า และความวิตกกังวล ล้วนแล้วแต่ทำให้นักโดดอ่อนล้า และเกิดภาวะขาดออกซิเจนได้มากขึ้น นอกจากนี้ปัญหาเกี่ยวกับถังออกซิเจน และในระหว่างการเปลี่ยนจาก pre-Breather ไปเป็นถังออกซิเจนอาจส่งผลให้ไนโตรเจนกลับคืนสู่กระแสเลือดของนักโดด และด้วยเหตุนี้โอกาสที่จะเกิดอาการป่วยจากการบีบอัดอากาศเพิ่มขึ้นจากภาวะขาดออกซิเจนจนอาจหมดสติ ดังนั้นจึงไม่สามารถเปิดร่มชูชีพได้ นักโดดที่ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยอาการเจ็บป่วยจากการบีบอัด อาจตายหรือพิการอย่างถาวรจากฟองไนโตรเจนในกระแสเลือด ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย
ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งมาจากอุณหภูมิแวดล้อมต่ำในระดับความสูงที่สูงมาก ที่ระดับความสูง 35,000 ฟุตนักโดดต้องเผชิญกับอุณหภูมิ -45 ° C (-50 ° F) และอาจเกิดอาการบวมจนเกิดเป็นน้ำเหลืองได้ อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้วเสื้อกันหนาวของนักโดด HALO ซึ่งจะสวมเสื้อชั้นในถักด้วยโพลีโพรพีลีนและเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นอื่น ๆ ภายใต้เสื้อหุ้มกันลมเพื่อป้องกันเรื่องนี้ HALO ยังมีความเสี่ยงเพิ่มเติมที่หากร่มชูชีพไม่สามารถปรับใช้งานได้หรือสายพันกันจะมีเวลาน้อยลงที่จะใช้ร่มชูชีพสำรอง หรือแก้สายร่มที่พันกันด้วย
ตัวอย่างการใช้งาน การกระโดดร่มในระดับความสูงการต่อสู้ครั้งแรกเกิดขึ้นใน(1) ช่วงสงครามเวียดนามเมื่อ SOG Recon Team Florida 6 นายกระโดดร่มจากระดับความสูง 18,000 ฟุต (5,500 ม.) ในราชอาณาจักรลาว (ในขณะนั้น) (2) ในปี 1997 BJ Worth ซึ่งเป็นนักแสดงแทนอาชีพต้องเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในการแสดงแทนในบท James Bond ในภาพยนตร์เรื่อง Tomorrow Never Dies โดยต้องกระโดดแบบ HALO (3) ในเดือนพฤศจิกายน 2001 ทหารสหรัฐหน่วยเล็ก ๆ จากกองร้อยลาดตระเวนกรมทหารพรานที่ 75 ได้กระโดดร่มลงในอัฟกานิสถานเพื่อสร้างแนวรับการเคลื่อนย้ายกำลัง (4) ในปี 2002 นักโดด Pararescue ของกองทัพอากาศสหรัฐฯได้ทำการกระโดด HALO ในอัฟกานิสถานเพื่อช่วยเหลือสมาชิกของหน่วยบริการพิเศษทางอากาศของออสเตรเลียที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งติดอยู่ในดงทุ่นระเบิด (5) การแทรกซึมด้วยการกระโดดร่มถูกนำมาใช้ในระหว่างปฏิบัติการอิสรภาพเพื่ออิรักในการข้ามหลบระบบเตือนภัยล่วงหน้าของศัตรู (6) ในปี 2009 ระหว่างการช่วยเหลือกัปตัน Richard Phillips นอกชายฝั่งโซมาเลีย หน่วยซีลของกองทัพเรือสหรัฐฯได้ทำการกระโดด HALO ในเวลากลางคืนไปลงยัง USS Bainbridge ซึ่งกำลังลากเรือชูชีพที่มีผู้ตัวประกันคือ Richard Phillips (7) ในปี 2012 หน่วยซีลของกองทัพเรือสหรัฐฯใช้เทคนิคนี้ในการแทรกซึมเข้าไปในโซมาเลียเพื่อช่วยเหลือตัวประกันสองคนที่ถูกโจรสลัดจับไว้ใกล้เมือง Adow และ Tom Cruise กลายเป็นนักแสดงคนแรกที่กระโดดร่มแบบ HALO ในภาพยนตร์ปี 2018 Mission: Impossible - Fallout และเมษายน 2020 นักโดดจากกองกำลังทางอากาศของรัสเซียตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม Sergey Shoygu ได้ทำการแสดงการกระดดดร่มแบบ HALO ครั้งแรกของโลกที่ทวีปอาร์กติก กลุ่มนักโดดรัสเซียใช้ "ระบบกระโดดร่มพิเศษรุ่น Next" อุปกรณ์ออกซิเจนที่ผ่านการทดสอบทางทหาร อุปกรณ์นำทาง อุปกรณ์พิเศษ และชุดโดด ขณะกระโดดจากเครื่องบินลำเลียงแบบ Il-76 ที่บินในระดับสูงมากเหนือเกาะอเล็กซานดราแลนด์ที่ตั้งอยู่ ในหมู่เกาะฟรานซ์โจเซฟแลนด์
การกระโดดร่มทางทหารในระดับสูงมาก (High-altitude military parachuting) จึงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส และมีความเสี่ยง การฝึกของเจ้าฟ้าภา (พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ) จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพระจริยวัตรที่พร้อมต่อการทรงเป็นนายทหารมหาดเล็กราชวัลลภ ซึ่งเพียบพร้อมด้วย พระปรีชาสามารถ ความเข้มแข็ง ความอดทน ความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น ด้วยพระวิริยะอุสาหะในการเป็นขัตติยะราชนารีแห่งราชจักรีวงศ์
"ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"'