จับตาสายพันธุ์ เอปซิลอน หมอโพสต์ยาว 10 ข้อเกี่ยวกับโควิด
"โควิด-19 ระลอก 3 ชุดใหญ่ไฟกระพริบ ถึงเวลาแล้วที่ต้องยอมรับความจริงของสถานการณ์และต้องพึ่งตนเองให้มากที่สุด ทั้งนี้ประเทศไทยไม่น่าจะเรียกว่าระลอกสี่ เพราะสามยังไม่ทันจบสิ้นและคนติดเชื้อลุกลามไปทั่วโดยยังควบคุมไม่ได้ เราคงไม่น่าเรียกสี่ เราคงเรียกระลอกสามภาคพิสดาร หรือที่เด็กๆที่ฝึกอบรมเป็นผู้เชี่ยวชาญทางสมองที่ทำงานอยู่ด้วยกันชอบเรียกกันว่าเป็นชุดใหญ่ไฟกะพริบมากกว่า
ตอนนี้ที่ป่วยหนักหาเตียงไม่ได้ เข้าไอซียูไม่ได้ ไม่ใช่เดลตาทั้งหมดตามที่คิด แม้สายอัลฟาบ้านๆก็หนักเอาไม่อยู่ และไม่นานก็แทรกด้วยเดลตา และจ่อด้วย เอปซิลอน B.1.429 (S13I, W152C, L452R ที่ spike) ที่กลายเป็นสายที่ต้องวิตกกังวลแล้ว และสายเดลตาก็แน่นอนชุกชุมขึ้นเรื่อยๆซึ่งก็ได้รับการขยายความอธิบายสรรพคุณได้มากขึ้น
โดยมีการไขความลับสายเดลตา โดยการที่ไวรัสดึงให้เซลล์ที่ติดเชื้อให้ไปแนบชิดกับเซลล์อื่น โดยไม่ต้องหลุดออกมาจากเซลล์เดิม เพื่อทะยานไปหาเซลล์ใหม่ ดังนั้นระบบภูมิคุ้มกันในน้ำเหลือ'หรือที่ในเยื่อบุ ทั้งจากสร้างในร่างกายและจากวัคซีนเองเช่นจาก mRNA จะไม่เห็นและขัดขวางไม่ได้
สรุป...มันจะสายพันธุ์อะไรก็แล้วแต่
ประการที่หนึ่ง การรักษา ขณะนี้วิกฤติแล้ว มาระยะหนึ่งแล้ว
ประการที่สอง ขณะนี้การระบาดของโควิดเพิ่งเงยหัว ตัวยังไม่มาเลย ที่ยังไม่ได้ตรวจ และตัวเลขที่ต้องรอที่บ้าน ทั้งที่รู้ว่าตัวเองติดแล้ว (จากการตรวจ) และที่รู้ว่าตัวเองติดแน่ เพราะคนรอบตัวและทั้งบ้านติดไปหมดแล้วแต่ยังไม่ได้ตรวจ เพราะไม่มีที่ไหนรับตรวจ ยังมีอยู่มาก
ประการที่สาม วัคซีนที่ใช้ขณะนี้ประสิทธิภาพจำกัดคือ ซิโนแวค มีจำนวนมากที่ระดับภูมิในการยับยั้งไวรัสไม่ให้ติดสูงไม่มากพอ และหมอพยาบาล เจ้าหน้าที่หลังฉีดวัคซีนแล้ว ครบหนึ่งเดือนติดไปแล้ว แม้อาการอาจไม่มาก แต่ที่น่ากลัวกลับกลายเป็นคนแพร่เชื้อที่ทรงประสิทธิภาพ ไปยังเพื่อนร่วมงานและไปยังผู้ป่วยได้
ประการที่สี่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เรียกร้องวัคซีนยี่ห้ออื่นซ้ำต่อจากที่ฉีดไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไทยที่มีอภิสิทธิ์ แต่เพราะเรากลัวจะแพร่ไปหาคนอื่นอย่างกว้างขวาง และนี่เป็นเหตุผลที่เราเรียกร้องให้มีวัคซีนหลากหลายและมีจำนวนพอเพียง และไม่ใช่แต่เราที่เรียกร้อง แต่จากคนไทยทั้งประเทศ
ประการที่ห้า การให้ไปรักษาที่บ้าน ต้องทำให้เป็นรูปธรรม "โดยด่วน" ทั้งนี้ จำเป็นหรือไม่ที่ต้องได้รับการพิสูจน์ก่อนว่าติดและมีเชื้อ เนื่องจากหาที่ตรวจไม่ได้และถ้าสัมผัสกับคนที่ติดจริงหรือติดกันทั้งบ้าน น่าจะอนุโลมให้เข้าข่ายนี้ด้วย
ประการที่หก ทั้งนี้ จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจรให้เลย ส่วนประชาชนจะหายาฆ่าพยาธิมาใช้วันละหนึ่งเม็ดขนาด 12 มิลลิกรัมไปห้าวัน ใช้เมื่อมีอาการแล้ว ก็ไม่น่าผิด และจะควบกับน้ำมันกัญชาของ อาจารย์เดชาที่ถูกกฎหมายก็ไม่น่าผิดเช่นกันเพราะช่วยลดการอักเสบและการปวดทรมานของร่างกาย
ประการที่เจ็ด เรื่องยาฆ่าพยาธิ ไอเวอเมคติน ได้เคยเขียนในไทยรัฐ ตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 และจนปัจจุบันมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้นเรื่อยๆจากการใช้จริง และประเทศอังกฤษเริ่มบรรจุเข้าในการวิจัยจริงจัง แต่จะรอสรุปและโต้เถียงกันอีกกี่เดือน ทั้งนี้ ยาปลอดภัย และถูก สามารถใช้ตั้งแต่เริ่มอาการเล็กๆน้อยๆ แบบฟ้าทะลายโจร
นี่คือภาวะสงคราม ไม่ใช่วิจัยตีพิมพ์ก่อนแล้วค่อยประกาศ ไปแอบดูห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลไหนก็ได้ แล้วจะเห็นความจริงครับ ว่าคนป่วยที่รอเตียงจนอาการหนักขึ้นต้องบากหน้ามาที่ห้องฉุกเฉินหวังว่าจะได้รับการรักษามีจริงหรือไม่
ประการที่แปด ถ้าปล่อยให้ประชาชนอยู่ร่วมกันโดยไม่รู้ว่าใครติด ใครไม่ติด คงไม่มีทางระงับการแพร่กระจายของโรคระบาดนี้ได้ ชุมชนแรงงาน แคมป์แรงงาน ไม่ใช่เป็นขุมรังโรคอย่างเดียวตามที่คิด เพราะเชื้อแพร่ไปตามบ้านเรือนไปนานพอสมควรแล้ว ที่สมาชิกในครอบครัวต้องทำงานนอกบ้าน และในที่สุดกลับมาแพร่เชื้อในบ้านต่อ การตรวจคัดกรองที่เข้าถึงได้ยังไม่มี
ประการที่เก้า ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทยได้ทำการเรียกร้องการจัดการ รวมทั้งการจัดหาวัคซีนหลาก หลายไปแล้ว คงไม่ต้องทำวิจัยหรืออ่านตำรามาแสดงดูสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ซึ่งเป็นโรคและโลกแห่งความเป็นจริงคงจะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ประการที่สิบ ชัดเจนแล้วเด็กเล็ก เด็กโตติดกันหนาแน่นในประเทศไทย จนพ่อแม่อยู่ในห้องความดันลบ ลูกน้อยที่ติดเชื้อต้องนอนอยู่ในห้องเดียวกัน ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่จะใช้วัคซีนเชื้อตายที่ถึงแม้ประสิทธิภาพจะไม่สูงเยี่ยมเทียมเท่ากับวัคซีนชนิดอื่นมาให้เด็กทั้งหมด
โดยที่ประเทศจีนใช้วัคซีนแล้วในเด็กตั้งแต่อายุสามขวบจนถึงผู้ใหญ่ เนื่องจากวัคซีนเชื้อตายก็เป็นเหมือนเช่นวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าที่สามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กจนถึงแก่ แม้กระทั่งคนที่กำลังตั้งท้อง
เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งเพ่งพินิจ พิจารณาอยู่บนภูเขาหรือชายหาดโก้เก๋ ลองใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์มานั่งอยู่ในห้องฉุกเฉิน ลงมาตรวจ ลงมาพูดคุยกับผู้ป่วยและครอบครัวคงจะทำให้เห็นสถานการณ์
ได้ดีขึ้นเป็นแน่แท้
หมอดื้อ"