รู้หรือไม่? ‘เช็ค’ ใช้จ่ายแทนเงินสดได้ตั้งแต่ยุคโรมันแล้ว
รู้หรือไม่? ‘เช็ค' ใช้จ่ายแทนเงินสดได้ตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมันแล้ว
.
ในขณะที่บางคนมองว่าเช็คใช้แทนเงินสดไม่ได้ แต่จริงๆ แล้ว 'เช็ค' มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การเงินและการแลกเปลี่ยนของมนุษยชาติ โดยเชื่อว่าเกิดขึ้นนับแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ตลอดจนส่งต่อมาสู่อารยธรรมอาหรับที่มีอายุมากกว่าหลายร้อยกว่าปีแล้ว
.
ความสำคัญของการเกิดตัวแทนแลกเปลี่ยนมูลค่าการเงินนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเหล่าพ่อค้าที่ต้องเดินทางไกลไปค้าขายกับดินแดนอื่น เพราะลำพังแค่จัดแจงสัมภาระและสินค้าสำหรับนำไปแลกเปลี่ยนค้าขายแล้วนั้นก็หนักไม่น้อย การใช้ 'เช็ค' แทนการบรรทุกเงินตราหรือหน่วยแลกเปลี่ยนอย่างทองคำหรือแร่เงินที่มีน้ำหนักมากนั้น จึงช่วยทุ่นแรงทั้งพ่อค้าและสัตว์ที่ใช้เป็นพาหนะได้มากทีเดียว
.
จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ก็พบว่าการใช้เช็คนั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมัน ประมาณช่วงปีค.ศ.57 เรียกว่า praescriptiones ซึ่งเป็นเหมือนใบสัญญาทางการเงินที่เขียนบนกระดานไม้เป็นภาษาละตินและเคลือบด้วยขึ้ผึ้ง ซึ่งนับเป็นหลักฐานเก่าแก่ที่สุดของการถือกำเนิดเช็ค
.
จนกระทั่งช่วงราวศตวรรษที่ 12-13 ณ เมืองเวนิส คนใช้เช็คเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขายระหว่างนานาประเทศ โดยตัวเช็คที่ว่ามีวิวัฒนาการจากการเขียนลายมือตลอดจนนำมาถึงยุคที่เกิดนายธนาคารช่างทอง (Goldsmith Banker) ราวศตวรรษที่ 17 ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการการกู้โอนเงินจนนำมาสู่การพัฒนาเช็คเรื่อยมา
.
หากถามถึงเช็คแบบที่เราคุ้นตากันที่เก่าแก่ที่สุด ก็ต้องพูดถึงเช็คที่ใช้ในยุคสมัยใหม่ตอนต้นของอังกฤษ ซึ่งเป็นเช็คที่จ่ายให้กับ Mr. Delboe เป็นจำนวนเงิน 400 ปอนด์ (หรือคิดเป็นประมาณ 76,000 ปอนด์ในปัจจุบัน) โดยเช็คใบนั้นลงวันที่ 16 ก.พ. 1659
.
แม้ว่าทุกวันนี้จะมีบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือวิธีทำธุรกรรมออนไลน์ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกมากมายแค่ไหน หรืออัตราการใช้เช็คจะลดน้อยลงไปบ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า 'เช็ค' ยังคงได้รับความนิยมและนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินต่างๆ อยู่ตลอด
.
สำหรับการใช้เช็คในไทยนั้น มีวิธีการนำไปขึ้นเงินแตกต่างกันไปตามรูปแบบการใช้งาน โดยแยกตามประเภท ดังนี้
.
#เช็คเช็คผู้ถือ - หรือคุ้นหูกับคำว่า 'เช็คเงินสด' โดยผู้ถือเช็คนำไปขึ้นเงินกับธนาคารได้ทันที หรือนำไปฝากเข้าบัญชีตัวเองก่อนได้ในกรณีที่ไม่ต้องการขึ้นเงินตอนนั้น รวมทั้งไม่จำเป็นต้องเขียนสลักหลังในกรณีที่ต้องการโอนให้ผู้อื่น
#เช็คระบุชื่อผู้รับเงิน - ผู้สั่งจ่ายจะระบุชื่อผู้รับเงินไว้ในเช็ค โดยผู้รับเงินต้องนำไปขึ้นเงินด้วยตนเอง รวมทั้งต้องเขียนสลักหลังในกรณีที่ต้องการโอนให้ผู้อื่น
#เช็คของธนาคาร - ธนาคารออกเช็คให้แก่ลูกค้าที่นำเงินสดมาซื้อเช็คกับธนาคาร พร้อมเซ็นรับรองกำกับไว้ จะขึ้นเงินและใช้ได้กับภายในพื้นที่ท้องถิ่นของธนาคารนั้นๆ เท่านั้น
#เช็คที่ธนาคารรับ - ผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารเพียงพอที่ทางธนาคารนั้นจะประทับตราและอนุมัติว่า "ใช้ได้"
#เคาน์เตอร์เช็ค - ธนาคารจะออกเช็คนี้ในกรณีที่เจ้าของบัญชีต้องการใช้เงินทันทีแต่ไม่ได้นำสมุดบัญชีติดตัวมาด้วย ซึ่งถือเป็นเช็คชนิดพิเศษ จะใช้ได้เฉพาะภายในธนาคารเท่านั้น รวมทั้งโอนให้ผู้อื่นไม่ได้
#เช็คสำหรับผู้เดินทาง - ธนาคารเปิดให้ผู้สนใจแลกซื้อเช็คชนิดนี้ตามสาขาต่างๆ ส่วนใหญ่มักเป็นนักเดินทางที่ต้องการเดินทางโดยไม่พกเงินสดติดตัว
#ดราฟต์ธนาคาร - ธนาคารแห่งหนึ่งจะมีคำสั่งไปยังธนาคารอีกแห่ง เพื่อให้จ่ายเงินตามกำหนดแก่ผู้ที่ถูกระบุชื่อไว้บนดร๊าฟนั้น ซึ่งเช็คประเภทนี้เอาไว้ใช้สำหรับส่งเงินไปต่างพื้นที่ ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
.
นอกจากนี้อาจมีกรณีเช็คขีดคร่อม ที่มีทั้งแบบเช็คขีดคร่อมทั่วไป ซึ่งนำไปขึ้นเงินไม่ได้ และเช็คขีดคร่อมเฉพาะ ซึ่งสามารถเพิ่มข้อความกำกับลงไปและนำไปขึ้นเงินได้
.
ส่วน เช็คคืน หรือเช็คเด้งนั้น เกิดขึ้นได้ในหลายกรณี เช่น ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น, ออกเช็คในขณะที่ไม่มีเงินอยู่ในบัญชี, ออกเช็คให้ใช้เงินในจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี หรือกรณีถอนเงินทั้งหมดหรือถอนบางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็ค จนจำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็ค ซึ่งทั้งหมดนี้อาจมีความผิดตามกฎหมาย
.
โดยผู้สั่งจ่ายและผู้รับเงินควรตรวจสอบรายละเอียดเช็คให้ละเอียดทุกครั้ง โดยดูว่าเช็คใบนั้นเป็นเช็คที่ถูกต้องของธนาคารหรือไม่ มีตัวเลขระบุว่าเป็นของธนาคารใด เลขที่เช็คเท่าไหร่ ตัวเลขจำนวนเงินถูกต้องหรือไม่ เช็คที่ใช้ได้เฉพาะสาขามีการระบุสาขาธนาคารมาเรียบร้อยหรือยัง ชื่อของผู้ถือเช็คตรงหรือไม่ ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายตรงกับลายมือที่ใช้เปิดบัญชีหรือไม่ รวมทั้ง วันเดือนปีที่ออกเช็คนั้นๆ
เครดิตแหล่งข้อมูล : FB thematterco
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น