รู้จักโรคใหลตาย ความเสี่ยง และการป้องกันหลับแล้วไม่ตื่น


รู้จักโรคใหลตาย ความเสี่ยง และการป้องกันหลับแล้วไม่ตื่น

อีกหนึ่งข่าวเศร้าของวงการบันเทิงไทย กับการสูญเสียนักแสดงหนุ่มชื่อดัง "บีม ปภังกร" ที่หลับไปแล้วไม่ยอมตื่น แม้ญาติจะพยายามปลุกแต่ไม่ตื่น รีบนำส่ง รพ. แต่ก็ไม่สามารถกู้สัญญาณชีพได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้ให้ความรู้เรื่อง ‘ใหลตาย' หนึ่งในข้อสันนิษฐานการเสียชีวิตของดาราหนุ่ม

ใหลตาย หรือ sudden unexplained (unexpected) nocturnal death syndrome (SUND) ใช้เรียกการเสียชีวิตที่เกิดจากหัวใจห้องล่างเต้นพลิ้ว (ventricular fibrillation, VF) มักพบขณะหลับทำให้เกิดอาการคล้ายหายใจไม่สะดวกอาจเกิดเสียงร้องคล้ายละเมอก่อนเสียชีวิต (ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าใหลที่หมายถึงละเมอ) มักเกิดในผู้ชายวัยหนุ่มที่ปกติแข็งแรงดีก่อนเข้านอน แต่ต่อมาพบว่าเสียชีวิตในตอนเช้าวันถัดไป จึงเป็นที่มาของความเชื่อพื้นบ้านในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ว่าเกิดจากผีแม่หม้ายมาพาชายหนุ่มไปอยู่ด้วย



รู้จักโรคใหลตาย ความเสี่ยง และการป้องกันหลับแล้วไม่ตื่น

จากการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยที่รอดชีวิต พบว่าใหลตายมีความสัมพันธ์กับความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจลักษณะบรูกาดา (Brugada pattern) โดยไม่พบความผิดปกติของโครงสร้างและการทำงานส่วนอื่นๆของหัวใจ ทางการแพทย์เรียกกลุ่มอาการนี้ว่า กลุ่มอาการบรูกาดา (Brugada syndrome)

อาการใหลตายเป็นอย่างไร

อาการใหลตายเกิดจากหัวใจที่เต้นผิดจังหวะขั้นรุนแรงที่สุด ทำให้ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆโดยเฉพาะสมองได้ เมื่อสมองขาดออกซิเจนอาจแสดงอาการชักเกร็ง หายใจครืดคราดผิดปกติคล้ายนอนละเมอ เรียกไม่รู้ตัว โดยความผิดปกติมักพบในขณะนอนหลับ ผู้ป่วยจะเสียชีวิตถ้าการเต้นผิดจังหวะของหัวใจนั้นเกิดนานพอและไม่ได้รับการรักษา แต่ผู้ป่วยอาจจะรอดชีวิตฟื้นขึ้นมาได้กรณีที่การเต้นผิดจังหวะของหัวใจหยุดเองหรือได้รับการรักษาที่เหมาะสมอันได้แก่การช็อคหัวใจหรือการปั๊มหัวใจ

นอกจากใหลตายจะพบบ่อยขณะที่ผู้ป่วยหลับแล้ว ก็ยังอาจพบได้ในขณะตื่นเช่นกัน โดยอาการที่เกิดอาจเกิดอาการใจสั่นช่วงสั้นๆ หรืออาการวูบเป็นลมหมดสติได้

ใครเป็นผู้มีความเสี่ยง

มักพบในเพศชายวัยทำงาน (อายุ 25-55ปี) แต่ก็สามารถพบได้ทั้งในเพศหญิงในเด็กหรือในผู้สูงอายุได้เช่นกันสำหรับในประเทศไทย พบมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และรองลงมาในภาคเหนือ


รู้จักโรคใหลตาย ความเสี่ยง และการป้องกันหลับแล้วไม่ตื่น


จะสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อใหลตายเมื่อไหร่

1.ผู้ที่รอดชีวิตจากอาการใหลตาย อาจเนื่องจากอาการใหลตายหยุดเองหรือได้รับการรักษาที่ทันท่วงที

2.ผู้ที่มีญาติสายตรงเสียชีวิตเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุแต่ลักษณะอาการเข้าได้กับใหลตาย เนื่องจากพบว่าใหลตายมีความสัมพันธ์กับความผิดปกติในหน่วยพันธุกรรมหรือยีนที่มีผลต่อการควบคุมประจุไฟฟ้าในเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจและความผิดปกตินี้อาจส่งต่อไปในญาติสายตรงของผู้ป่วยใหลตายได้

3.ผู้ที่ตรวจพบความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจชนิดBrugadaแม้จะไม่มีประวัติอาการใหลตายหรือประวัติครอบครัว

การวินิจฉัยใหลตายทำอย่างไร

การวินิจฉัยอาศัยการตรวจพบความผิดปกติที่เรียกว่า Brugada (Brugada pattern)จากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบปกติ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบยกสูงขึ้นกว่าการตรวจมาตรฐาน หรือขณะให้ยากระตุ้น


รู้จักโรคใหลตาย ความเสี่ยง และการป้องกันหลับแล้วไม่ตื่น

การรักษาใหลตายทำอย่างไร

ยังไม่มีการรักษาใดที่สามารถป้องกันหรือหยุดการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ทั้งหมด การรักษาจึงมุ่งหวังให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะน้อยครั้งที่สุด และระยะเวลาที่หัวใจเต้นผิดจังหวะแต่ละครั้งสั้นที่สุดก่อนที่ผู้ป่วยจะหมดสติหรือเสียชีวิตโดยวิธีการดังนี้

1.หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ อันได้แก่การดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะตึงเครียดของร่างกาย เช่นการพักผ่อนไม่เพียงพอ ออกกำลังกายหรือทำงานหนัก การรับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลปริมาณมาก

2.ใส่เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ (automatic implantable cardioverter defibrillator, AICD)

3.การจี้หัวใจด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง

รู้จักโรคใหลตาย ความเสี่ยง และการป้องกันหลับแล้วไม่ตื่น


รู้จักโรคใหลตาย ความเสี่ยง และการป้องกันหลับแล้วไม่ตื่น


รู้จักโรคใหลตาย ความเสี่ยง และการป้องกันหลับแล้วไม่ตื่น


รู้จักโรคใหลตาย ความเสี่ยง และการป้องกันหลับแล้วไม่ตื่น

เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม ทันทุกเรื่องฮิต


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์