รู้จักภาวะเสียการสื่อภาษา (Aphasia) ที่บรูซ วิลลิส จำต้องลาวงการบันเทิง


รู้จักภาวะเสียการสื่อภาษา (Aphasia) ที่บรูซ วิลลิส จำต้องลาวงการบันเทิง

ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวช็อกโลก หลังจากมีรายงานว่าดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง "บรูซ วิลลิส" ถูกตรวจพบว่ามี "ภาวะอาเฟเซีย" (Aphasia) ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการพูดและเขียนของเขา ทำให้ทางครอบครัวตัดสินใจให้นักแสดงอำลาวงการ

สำหรับ ภาวะสูญเสียการสื่อความ (aphasia ) มักมีสาเหตุจากความเสียหายในสมองซีกซ้าย ทำให้นึกภาษาหรือคำพูดได้ลำบาก กระทบต่อการ อ่าน, ฟัง, พูด, พิมพ์ หรือเขียน ของผู้ป่วย โดยอาการที่พบได้บ่อยที่สุดคือ ปัญหาทางการพูด รวมถึงการผสมคำไม่ถูกต้อง

ซึ่งไม่ใช่แค่พูดไม่ได้ แต่สื่อสารไม่ได้เลย เช่น ถามอย่างตอบอย่าง (receptive aphasia) หรือพูดจับความไม่ได้ (motor aphasia) ความผิดปกติที่สมองส่วนควบคุมภาษา (language center เช่น Broca หรือ Wernicke area) สาเหตุที่พบบ่อยคือ หลอดเลือดสมอง, สมองอักเสบ, สมองเสื่อม, เนื้องอก



รู้จักภาวะเสียการสื่อภาษา (Aphasia) ที่บรูซ วิลลิส จำต้องลาวงการบันเทิง

อาการของ Aphasia

อาการจะแตกต่างไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับบริเวณที่สมองได้รับความเสียหายและระดับความรุนแรงของความเสียหาย ภาวะนี้ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาต่อการพูด การทำความเข้าใจ การอ่าน การเขียน การสื่อสาร และการรับสาร เช่น พูดได้แค่ประโยคสั้น ๆ หรือพูดไม่จบประโยค ไม่สามารถเรียบเรียงประโยคในการพูดหรือการเขียนให้ผู้ฟังเข้าใจได้ ใช้คำไม่เหมาะสม เลือกใช้คำหนึ่งแทนที่อีกคำ พูดคำที่ไม่มีความหมาย หรือไม่เข้าใจในบทสนทนาของผู้อื่น พูดไม่ได้ เป็นต้น


รู้จักภาวะเสียการสื่อภาษา (Aphasia) ที่บรูซ วิลลิส จำต้องลาวงการบันเทิง

Aphasia สามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิดใหญ่ ๆ คือ

1.ชนิดที่มีปัญหาด้านการรับรู้ทางภาษาเป็นปัญหานำ (receptive aphasia, sensory aphasia หรือ Wernicke's aphasia) พยาธิสภาพของสมองอยู่ที่ส่วนกลางของสมองส่วนหน้า (Wernicker' s area) ผู้ป่วยจะมีความบกพร่องด้านการฟังและการอ่านเป็นหลัก โดยมักจะพูดได้คล่องและชัดเจน แต่ไม่เข้าใจคำพูดของตัวเอง หรือไม่รู้ว่าตัวเองพูดผิดแต่บางรายอาจมีการสร้างคำพูดใหม่ ๆ ขึ้นมาเองได้อาจสรุปปัญหาด้านการรับรู้ทางภาษาในผู้ป่วยประเภทนี้ได้ดังนี้

ก. ปัญหาในการฟังเข้าใจคำพูด
ข. ปัญหาในการอ่านหนังสือ
ค. ปัญหาในการพูดตาม


รู้จักภาวะเสียการสื่อภาษา (Aphasia) ที่บรูซ วิลลิส จำต้องลาวงการบันเทิง

2. ชนิดที่มีปัญหาด้านการแสดงออกทางภาษาเป็นปัญหานำ (expressive aphasia, motor aphasia หรือ Broca's aphasia) พยาธิสภาพของสมองอยู่ที่ส่วนหน้าของสมองซีกซ้าย (Broca's area) ผู้ป่วยจะมีความบกพร่องด้านการพูดและการเขียนหนังสือเป็นหลัก โดยจะสามารถฟังเข้าใจคำพูดของผู้อื่นหรืออ่านหนังสือได้ แต่ไม่สามารถพูดคุยหรือพูดบอกความต้องการของตัวเองได้อาจสรุปปัญหาด้านการพูดในผู้ป่วยประเภทนี้ได้ดังนี้

ก. พูดไม่ชัดอาจจะพูดไม่ชัดแบบ apraxia หรือ dysarthria ร่วมด้วย แล้วแต่ความรุนแรงและตำแหน่งของพยาธิสภาพ
ข. พูดเฉพาะคำสำคัญของประโยค
ค. พูดไม่คล่องตะกุกตะกัก หยุดพูดระหว่างคำบ่อยและนานกว่าปกติเพราะต้องหยุดนึกหาคำพูด
ง. พูดใช้เสียงหนึ่งแทนเสียงหนึ่งหรือใช้คำหนึ่งแทนอีกคำหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
จ. ปัญหาในการพูดตาม
ฉ. ปัญหาในการคิดคำนวณหรือการนับเงินตรา
ช. ปัญหาในการพูดสิ่งที่เรียงลำดับ
ซ. ปัญหาในการนึกคิดหาคำพูดหรือคำศัพท์ต่างๆ


รู้จักภาวะเสียการสื่อภาษา (Aphasia) ที่บรูซ วิลลิส จำต้องลาวงการบันเทิง

3. ชนิดที่มีปัญหาทั้งด้านการรับรู้และการแสดงออกทางภาษา (receptive-expressive aphasia หรือ Global aphasia) พยาธิสภาพของสมองอยู่ที่สมองซีกซ้าย (Wernicke's area และ Broca's area) ผู้ป่วยจะมีปัญหาในการสื่อสารทั้งด้านการรับรู้และการแสดงออกทางภาษาในระดับใกล้เคียงกัน จึงมีความบกพร่องของปัญหาทั้ง 2 แบบข้างต้น โดยจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของพยาธิสภาพของโรคว่าอยู่ที่ Wernicke's area หรือ Broca's area ขั้นรุนแรงอาจพูดไม่ได้ ร่วมกับฟังไม่เข้าใจเลยก็เป็นได้

4.ชนิดที่มีปัญหาด้านการนึกคำพูด (Amnesic aphasia) ผู้ป่วยมีความลำบากในการนึกคิดคำศัพท์เป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วย aphasia ประเภทอื่น ๆ ด้วยผู้ป่วยจะพูดได้คล่องชัดเจนถูกต้องตามไวยากรณ์ แต่จะพูดอ้อมค้อมและอธิบายถึงสิ่งที่ต้องการจะพูดแทนคำศัพท์ที่นึกไม่ออกหรือใช้คำอื่นแทนคำที่ต้องการจะพูดเช่นพูดว่า" สิ่งที่ใช้ใส่น้ำดื่ม" แทนคำว่า" แก้ว" เป็นต้นในรายที่เป็นรุนแรงมากจะมีท่าทางลังเลในสิ่งที่จะพูดอัตราการพูดช้าลงส่วนด้านการฟังคำพูดจะปกติดีปัญหาด้านความเข้าใจในการอ่านและการเขียนจะแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงสำหรับความบกพร่องในการคิดคำนวณหรือการนับเงินตราจะมีปัญหาน้อยมาก

รู้จักภาวะเสียการสื่อภาษา (Aphasia) ที่บรูซ วิลลิส จำต้องลาวงการบันเทิง

ผู้ป่วย aphasia จะมีพฤติกรรมและบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไปดังนี้

1.ระดับความตื่นตัวลดลงต้องกระตุ้นหรือพูดซ้ำ ๆ ผู้ป่วยจึงจะตอบสนอง
2.วอกแวกง่าย (distractibility) มีการเปลี่ยนความสนใจจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ไปสู่สิ่งกระตุ้นอื่นได้ง่าย
3.การตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นไม่แน่นอน (variability of response) บางครั้งทำได้ดี แต่บางครั้งทำไม่ได้ทั้งๆที่เป็นสิ่งกระตุ้นเดียวกัน
4.การทำซ้ำ ๆ โดยยับยั้งตัวเองไม่ได้ (perseveration) เช่น เมื่อบอกให้ชี้หูปากแล้วบอกให้ชี้ตาผู้ป่วยก็ยังคงชี้ปากอยู่ซ้ำ ๆ เป็นต้น
5.มีปัญหาในการรับรู้บุคคลเวลาและสถานที่
6.ทัศนคติและแรงจูงใจเปลี่ยนแปลงไปเช่นเคยเป็นคนชอบเข้าสังคม แต่เมื่อมีปัญหา aphasia ป่วยไม่ชอบเข้าสังคมชอบอยู่คนเดียวเป็นต้น
7.อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
8.เก็บกดเนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถสื่อความหมายกับผู้อื่นได้ดีเช่นเดิมผู้ป่วยจึงกังวลใจไม่อยากคุยกัน ป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยสร้างนิสัยในการติดต่อสื่อสารที่ไม่ดีอีกด้วยผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการให้การักษาผู้ป่วย aphasia คือนักอรรถบำบัด (speech therapist) อย่างไรก็ตามบุคลากรทางการแพทย์สาขาอื่นและญาติหรือผู้ดูแลผู้ป่วยสามารถมีส่วนร่วมในการรักษานี้ได้ด้วย

ภาวะแทรกซ้อนของ Aphasia

 

Aphasia เป็นภาวะที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากผู้ป่วยจะมีปัญหาด้านการสื่อสาร จึงอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ การทำงาน หรือการทำกิจกรรมในแต่ละวัน อีกทั้งอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอับอาย หดหู่ เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารได้ตามปกติ



เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม ทันทุกเรื่องฮิต


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
รวมข่าวในกระแส คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์