เตือนอันตราย โรคลมแดด หมอเผยสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้
ลักษณะอากาศช่วงนี้ประเทศไทยจะมีอากาศร้อนอบอ้าวเกือบทั่วไป จะสูงกว่าค่าปกติ และสูงกว่าปีที่ผ่านมา
อากาศร้อน อุณหภูมิ อย่างนี้ ขนาดที่ว่าต้มไข่สุก ด้วยกลางแดดปรอทขึ้นไปถึง 42 องศา หรืออาจจะสูงกว่า
อุณหภูมิขนาดนี้ ร่างกายจะมีการสูญเสียเหงื่อ นํ้า เกลือแร่มหาศาล คนที่เป็น สว. (สูงวัย) และยังมีโรคประจําตัว เช่น ความดัน ต้องทานยาลดความดันโลหิตอยู่แล้ว มีเส้นเลือดหัวใจ สมองตีบ มีโรคไต การขาดนํ้า เกลือแร่ ทําให้เลือดข้น เกิดการ กําเริบของโรคเส้นเลือดตีบและโรคไต
แม้แต่คน ที่คิดว่าแข็งแรงยังหนุ่มสาว การขาดนํ้าเกลือแร่ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิในสมองจะแปรปรวน ทําให้อุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 40 องศา แทนที่ตัวจะมีเหงื่อกลับ แห้ง ตัวร้อนจัด พูดสับสนไม่รู้เรื่อง ซึ่งถ้าถึงระดับนี้จะหมายถึงอาการ "ฮีตสโตรก" (Heat stroke) หรือ "อุณหฆาต" คือถึงตาย
โรคลมแดดเป็นภาวะวิกฤติของร่างกาย ที่ไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ เนื่องจากอากาศร้อนที่ เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง 5-10 องศาเซลเซียสในระยะเวลาสั้นๆ ภาวะนี้จะทําให้"สมองรู้สึกชินชากับ ความร้อน" ที่่ได้รับ จนไม่รู้สึกกระหายนํ้า
ทั้งๆที่สมดุลนํ้าและเกลือแร่ในร่างกายเสียหาย ส่ง ผลให้ระดับความดันเลือดตก
เลือดที่มีนํ้าเป็นส่วนประกอบไปเลี้ยงสมอง กล้ามเนื้อ และอวัยวะ ต่างๆไม่เพียงพอ ทําให้เกิดอาการไตวาย หากเป็นมากๆ เซลล์กล้ามเนื้อก็จะเริ่มแหลกสลาย มีของ เสียตกตะกอนในไต ทําให้เกิด ไตวายซํ้าซ้อน และเสียชีวิตในที่สุด
โรคลมแดด จะเห็นเป็นข่าวบ่อยๆกับชาวบังกลาเทศ ทําให้มีผู้เสียชีวิตครั้งละมากๆ
ฮีตสโตรกสําหรับคนไทยเป็นเพียงการเตือนแบบเบาะๆ ให้ระมัดระวัง ทั้งนี้เชื่อว่าอากาศร้อนในประเทศไทยจะไม่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วเหมือนต่างประเทศ ที่ผ่านมา
อุณหภูมิในบ้านเรา มักไต่ระดับทีละเล็กละน้อยครั้งละ 1-2 องศาเซลเซียส จาก 35 องศาฯ เป็น 36 องศาฯและจาก 36 องศาฯ เป็น 37 องศาฯ จะไม่เพิ่มขึ้นจาก 35 องศาฯ ทีเดียวไปเป็น 40 องศา การไต่ระดับสูงขึ้นทีละน้อย
ร่างกายคนไทยจะชิน ปรับสมดุลได้เอง อาจไม่ต้องกังวลมาก
อีกข้อที่สําคัญ ความร้อนของอากาศ ยังขึ้นกับความชื้นในอากาศ ซึ่งป้องกันไม่ให้เหงื่อระเหยระบายความร้อนออก
ไม่ได้ ทําให้ความร้อนจริงที่ร่างกายต้องเผชิญสูงมากขึ้น ยิ่งอยู่กลางแดดและมีลมร้อนจัด
ยกตัวอย่างเช่นถ้าความชื้นในอากาศ 60% อุณหภูมิภายนอก 35 องศา การรับรู้ของร่างกายจะกลายเป็น 45 องศา
และถ้าอุณหภูมิภายนอก 38 องศา การรับรู้จะกลายเป็น 56 องศา เป็นต้น
อันตรายที่เกี่ยว กับแดดและความร้อน (และชื้น) แบ่งระดับความรุนแรงได้ 4 ระดับ
ระดับแรก แดดเผา ผิวบวม แดง ลอก
ระดับที่สอง ตะคริวตามน่อง กล้ามท้อง
ระดับที่สาม เพลียรุนแรง ใกล้จะช็อก ตัวเย็นชืดชื้น ชีพจรเร็วเบา เป็นลม อาเจียน แต่อุณหภูมิร่างกายยังปกติ
ระดับที่สี่ ฮีตสโตรกถือเป็นภาวะฉุกเฉินวิกฤติ อุณหภูมิร่างกายอาจสูงถึง 41องศาเซลเซียส ผิวแห้ง ร้อน ชีพจรเร็ว แรง อาจหมดสติ ถึงขั้นเสียชีวิต เหมือนสมองและเครื่องในสุก
การปฐมพยาบาลขั้นต้น ให้ประคบ เย็นตามซอกตัว เช็ดตัว พัดลมระบายความร้อน นอนราบ ยกเท้าสูง หลบ แดด ผึ่งลม ประคบเย็น และจิบนํ้า
ถ้าอาการหนักมาก การใช้นํ้าเย็นอาจทําให้เกิดตะคริวท้อง ให้นอนราบหรือตะแคง หาก อาเจียนร่วมด้วย จําไว้ว่า
การดื่มนํ้าจะทําให้เกิดอันตรายในระดับ 3 และถ้ามีอาการในระดับ 4 ห้ามให้นํ้าดื่มเด็ดขาด เพราะจะเกิดอันตรายรุนแรงได้
ระยะนี้การ พยาบาลให้นํ้าทางปากอาจเป็นอันตรายได้ ยิ่งถ้าคนสูงอายุมีโรคประจําตัวที่ต้องได้รับยา ดังกล่าวข้างต้น ยิ่งมีอันตรายสูงเข้าไปอีก
อาการก่อนหน้าที่ จะถึงขั้นอุณหฆาต อาจนํามาด้วยตะคริว หรือ หน้ามืด เพลีย คลื่นไส้ จะเป็นลม เพราะฉะนั้นให้ดื่มนํ้าบริสุทธิ์มหาศาล อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร หรือมากกว่า
ข้อสําคัญให้หลีกเลี่ยงนํ้าหวาน นํ้าชา กาแฟ สุราถ้ายิ่งต้องออกไปกลาง แดดนานๆ