เช็กอาการฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1B ใครกลุ่มเสี่ยง
สถานการณ์ฝีดาษวานร (MPOX) ที่กำลังพบการระบาดจากทวีปแอฟริกามาในแถบประเทศเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งกรมควบคุมโรค รายงานพบผู้ป่วยฝีดาษลิงต้องสงสัยสายพันธุ์ Clade 1 คนแรกในไทย เป็นชาวยุโรปเดินทางมาจากประเทศคองโก
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ Mpox หรือโรคฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง) ที่ระบาดใน 10 ประเทศในทวีปแอฟริกาเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) หลังจากโรคแพร่กระจายจากการระบาดประเทศคองโก มีผู้เสียชีวิตกว่า 450 คน ไปตามประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกากลาง และแอฟริกาตะวันออก
สถานะ PHEIC คือระดับการเตือนภัยสูงสุดของ WHO เพื่อให้มีการเร่งวิจัย จัดระดมเงินทุน วางมาตรการด้านสาธารณสุข และประสานความร่วมมือระดับโลกเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดดังกล่าว
ข้อสังเกตลักษณะอาการโรคฝีดาษวานร
-ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศแถบแอฟริกา ควรต้องติดตามว่าประเทศเหล่านั้นมีการระบาดหรือไม่ และควรระมัดระวังการสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคล-หมั่นสังเกตอาการตนเอง ถ้ามีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง
-เริ่มสังเกตเห็นมีผื่นขึ้นตามร่างกายเป็นตุ่มน้ำใส หรือตุ่มหนอง ควรไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยรักษาตั้งแต่ต้น
-ข้อเน้นย้ำการป้องกันโรคฝีดาษวานร
-หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด หรือคนพลุกพล่าน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดบุคคล และขอให้มีการ-ทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวจุดสัมผัสร่วมสม่ำเสมอ
-หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
-หากผู้ที่มีอาการสงสัยสามารถขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อสายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค
8 กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ
โรคฝีดาษลิง เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็มีกลุ่มผู้ป่วยที่เสี่ยงมีอาการรุนแรงเมื่อติดเชื้อฝีดาษวานร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ แบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 กลุ่ม ดังนี้-ผู้ติดเชื้อเอชไอวี มีภูมิคุ้มกันต่ำ
-ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือด และโรคมะเร็งอวัยวะต่าง ๆ
-ผู้ป่วยโรคมะเร็งอวัยวะต่างๆ
-ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
-ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยสาร/ยา/รังสี ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
-ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกอวัยวะต่างๆ
-ผู้ป่วยกลุ่มโรคแพ้ภูมิตนเอง
-เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 8 ปี
-ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือด และโรคมะเร็งอวัยวะต่าง ๆ
-ผู้ป่วยโรคมะเร็งอวัยวะต่างๆ
-ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
-ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยสาร/ยา/รังสี ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
-ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกอวัยวะต่างๆ
-ผู้ป่วยกลุ่มโรคแพ้ภูมิตนเอง
-เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 8 ปี