เตือน นั่งนานท่าเดิม อัตรายกว่าที่คิด!

ชาวออฟฟิศมักพบกับปัญหาอย่างปวดคอ บ่า ไหล่ ซึ่งเรียกว่าโรคออฟฟิตซินโดรม นอกจากนี้ยังมีโรคอีกหนึ่งที่ต้องระวัง นั่นคือโรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท

อาการเหล่านี้เกิดจากการนั่งนานๆ นั่งในท่าเดิม เช่น นั่งไขว่ห้าง ทำให้มีอาการปวดที่สะโพกและก้น บางคนอาจรู้สึกชาไปถึงปลายเท้า หรือหนักกว่านั้นอาจสูญเสียความรู้สึกและเดินไม่ได้

ไม่ว่าคุณจะทำงานที่ไหน เช่น ที่บ้านหรือที่ออฟฟิศ ควรลุกขึ้นเดินและเปลี่ยนท่าบ่อยๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อและป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้

วันนี้ ทีมงานที่นี่ดอทคอม จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับร่างกายของเราเอง!

อาการของโรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท

1. ปวดสะโพก : ขณะนั่ง ยืน หรือ นอนนานเกิน 15-20 นาที
2. อาการชา : รู้สึกชาไปตามเชิงกราน ก้น และต้นขาด้านหลัง มักจะอยู่เหนือเข่า
3. อาการดีขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว : แต่จะปวดมากขึ้นเมื่ออยู่นิ่งๆ เช่น นั่งหรือนอนนาน
4. ปวดขณะเปลี่ยนท่า : เช่น จากนั่งไปยืนหรือลงย squat
5. เดินลำบาก : อาจเดินกระเพลกหรือปลายเท้าข้างที่มีปัญหาตก
6. ชาเท้าหรืออ่อนแรง : ของกล้ามเนื้อขาข้างนั้น
7. สูญเสียความรู้สึก : ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
8. ควบคุมการถ่ายปัสสาวะไม่ได้ : หากมีอาการนี้ควรรีบพบแพทย์ทันที

การเฝ้าระวังอาการเหล่านี้จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น!

สาเหตุของโรค

1. เคลื่อนไหวร่างกายส่วนล่างผิดท่า : ทำให้กล้ามเนื้อเกิดความตึงเครียด
2. นักกีฬา : ผู้ที่ออกกำลังกายมากเกินไปอาจมีอาการบาดเจ็บ
3. วิ่งหรือทำกิจกรรมเคลื่อนไหวขาต่อเนื่อง : เช่น วิ่งเป็นเวลานาน
4. นั่งเป็นเวลานาน : ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว
5. ยกของหนัก : อาจทำให้กล้ามเนื้อสะโพกได้รับบาดเจ็บ
6. นั่งไขว่ห้างนานๆ : ทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี
7. อุบัติเหตุ : เช่น ลื่นล้มหรือประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายส่วนล่าง

การระมัดระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดสะโพก!

การรักษา

1. หลีกเลี่ยงท่าทางที่กระตุ้นอาการ : เช่น ท่างอสะโพกหรือล็อคสะโพกเข้าด้านใน เพราะจะทำให้เส้นประสาทตึงและกล้ามเนื้อไปกดเบียดเส้นประสาทมากขึ้น

2. ออกกำลังกาย : เช่น การว่ายน้ำหรือการยืดกล้ามเนื้อสะโพก จะช่วยเสริมความยืดหยุ่นและลดความตึงเครียด

3. ทำกายภาพบำบัด : การประคบเย็นและประคบร้อนที่บริเวณก้นและขาทุก 2-3 ชั่วโมง จะช่วยบรรเทาอาการปวด และการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะช่วยลดอาการปวดได้

4. การรักษาด้วยยา : ใช้ยาเพื่อลดอาการปวดของเส้นประสาทตามที่แพทย์แนะนำ