โรคเอดส์เป็นโรคทางเพศสัมพันธ์ที่น่ากลัวที่สุด
และติดต่อกันได้ง่ายมากหากไม่ระวัง พลั้งเผลอเพียงครั้ง ก็อาจได้ของฝากที่ทำลายทั้งชีวิตให้ทรมานและสั้นลงโดยไม่เจตนา พบว่าครั้งแรกของการแพร่เชื้อนั้นมาจากถิ่นแอฟริกาจนกระทั่งปัจจุบันเอดส์ขยายตัวครอบคลุมไปทั่วทุกภูมิภาคในโลก รวมทั้งประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้าเพราะติดอันดับมีประชากรที่เป็นโรคเอดส์อันดับต้นๆ ของโลก
โรคเอดส์เกิดจากเชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus) ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคนเรา เป็นที่มาของคำว่า AIDS, Acquired Immune Deficiency Syndrome แปลว่าโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่องจนไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายได้รับเข้ามา จึงเกิดเป็นโรคต่างๆ อันเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ง่ายๆ
ปัจจุบันนี้ยังไม่มียารักษาเอดส์ให้หายขาด ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่จึงต้องรับประทานยาจำนวนหลายๆ เม็ดในแต่ละครั้ง เพื่อรักษาอาการโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากเชื้อโรคอื่นๆ เพราะระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถปกป้องร่างกายได้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวสูงพอควร แม้จะมีบริษัทยาบางแห่งผลิตยารักษาเอดส์ในแบบคอคเทล คือมีตัวยาหลายชนิดในหนึ่งเม็ดเพื่อให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นในการรับประทาน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสามารถรักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้
เอดส์ ของฝากจากความสุขที่ไม่ระวัง
สรรพคุณส่วนใหญ่ของยารักษาเอดส์
จึงเป็นยาที่ต้านเชื้อไวรัสHIV ช่วยชลอการถูกทำลายของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่คุ้มกันและกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย และเป็นยารักษาโรคตามอาการเท่านั้น
การมีเพศสัมพันธ์เป็นความต้องการตามธรรมชาติที่ห้ามกันไม่ได้ แต่ชั่งใจได้ จงตระหนักให้มากว่า “ยังไม่มียาใดรักษาเอดส์ได้หายขาดได้” หากยังต้องการมีเพศสัมพันธ์อยู่ การป้องกันจึงเป็นวิธีเดียวในการเลี่ยงเอดส์
การติดต่อและแพร่กระจายของไวรัสHIV
สามารถติดจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้แน่นอน 2 ทาง หนึ่งคือทางของเหลวจากร่างกาย เช่น เลือด อย่างการได้รับเลือดจากผู้ที่มีเชื้อ ทางน้ำเหลือง น้ำหนอง อสุจิ น้ำเมือกในช่องคลอด และน้ำหล่อเลี้ยงสมอง ส่วนทางที่สอง คือเพศสัมพันธ์ ส่วนในน้ำลาย น้ำตา น้ำนม ในปัสสาวะ จะพบเชื้อน้อยกว่า ดังนั้นการอยู่ร่วมกับคนเป็นเอดส์ ไม่ว่าการรับประทานอาหารร่วมกัน ใกล้ลมหายใจผู้ติดเชื้อ การสัมผัสมือ ว่ายน้ำในสระเดียวกัน ฯลฯ จึงไม่ทำให้ติดเอดส์ได้อย่างที่หลายคนเข้าใจ รวมทั้งเอดส์ไม่แพร่เชื้อโดยยุง หรือเห็บหมัดกัดด้วย
แต่ที่ติดแน่ๆ ถึง 80 % คือการมีเพศสัมพันธ์ ในเกือบทุกรูปแบบ ระหว่างอวัยวะเพศกับอวัยวะเพศ อวัยวะเพศกับปาก อวัยวะเพศกับทวารหนัก ล้วนถือเป็นสายตรงของเส้นทางแพร่เชื้อให้กันและกัน ไม่เลือกเพศไม่ว่าจะเป็นหญิงกับชาย ชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง
ส่วนการถ่ายทอดทางสายเลือดก็มีโอกาสไม่น้อยโดยเฉพาะทารกในครรภ์มารดาที่เป็นเอดส์ ดังนั้นผู้หญิงที่รู้ตัวว่าติดเชื้อHIV จึงไม่ควรมีบุตร การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันอันนี้ชัวร์ติดแน่นอน ส่วนกลุ่มคนที่น่าเห็นใจคือบุคลากรทางการแพทย์ในห้องผ่าตัดก็มีโอกาสเสี่ยงสูงเช่นกัน
หากว่ายังรักตัวกลัวทรมาน และสิ้นชีพง่ายดายด้วยโรคชนิดนี้แล้วล่ะก็ ต้องปกป้องตัวเองทุกครั้งที่จะมีเพศสัมพันธ์โดยสวมถุงยางอนามัย คุณผู้หญิงก็ต้องแน่วแน่หนักแน่นให้ฝ่ายชายส่วมใส่ถุงยางอนามัยมิเช่นนั้นคนรับเคราะห์อาจจะเป็นตัวคุณเอง และที่สำคัญก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ด้วยปาก หรือหากมีบาดแผลต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสอสุจิ น้ำเมือกจากช่องคลอด และน้ำลาย นอกจากนี้ยังต้องหยุดเอดส์ด้วยการหยุดมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่ของตัวเอง หรือสมมุติว่ารู้ตัวว่าติดเชื้อก็ควรจะบอกให้คู่ของคุณทราบด้วย เพื่อตรวจร่างกาย และทำการรักษาหากพบเชื้อโดยด่วน
การป้องกันการติดเอดส์ยังรวมถึงการไม่ใช้ของมีคมรวมกับผู้เป็นเอดส์ เช่น เข็มฉีดยา มีดโกนหนวด การเจาะหู การสักยันต์ที่ไม่แน่ใจว่าทำความสะอาดเครื่องมืออย่างดีจนเชื่อถือได้ จริงๆ แล้วผู้ที่เป็นเอดส์ไม่ควรจะมีเพศสัมพันธ์อีกเพื่อหยุดการแพร่เชื้อต่อไป อีกทั้งไม่บริจาคเลือดให้ผู้อื่น
แม้ว่าการป้องกันและงดเพศสัมพันธ์คือหัวใจสำคัญที่สุดที่จะปลอดภัยจากเอดส์
แต่ในโลกความเป็นจริงคงห้ามการมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ หรือโชคร้ายสุดๆ อาจไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้ออยู่โดยไม่รู้ตัว เพราะเขาไม่บอกหรือเจ้าตัวที่ติดเชื้อเองก็อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป ดังนั้นการตรวจสุขภาพรวมทั้งการตรวจเอดส์จึงเป็นเรื่องพึงกระทำสำหรับชีวิตคู่ของสามี –ภรรยา อย่าลืมว่าการไม่เห็นมีอาการแสดงแปลว่าไม่มีเชื้อ เพราะ คนที่ได้รับเชื้อHIV จะมีระยะฟักตัวไม่เท่ากันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย คือมีระยะฟักตัวตั้งแต่ 2-3 เดือนไปจนถึง 5-6 ปี ถึงจะแสดงอาการก็มี หรือบางคนไม่แสดงอาการแต่เป็นพาหะแพร่เชื้อติดคนอื่นๆ ก็ได้
การรักษาสุขอนามัยส่วนตัวก็เป็นสิ่งสำคัญทั้งหญิงชาย ร่วมกับการใช้ถุงยางเมื่อมีเพศสัมพันธ์ นอกจากจะปลอดเอดส์แล้วยังปลอดภัยจากโรคทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ มากมาย เช่น เริม กามโรค ฯลฯ เพราะไม่ว่าโรคใดๆ เป็นแล้วล้วนน่ากลุ้มใจทั้งสิ้น หรือหากเกิดติดเชื้อเอดส์ก็จะยิ่งทำให้โรคต่างๆ ทางเพศสัมพันธ์หรือโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ก่อนกำเริบลุกลามเป็นมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
อาการที่มีโอกาสติดเชื้อ HIV (อาการต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่เอดส์ก็ได้) แต่ถ้าพบว่ามีอาการอย่างใดที่เป็นเรื้อรังนานๆ ควรได้รับการตรวจจากแพทย์
- อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว เหนื่อยหน่าย ขาดสมาธิ
- มีไข้ต่ำๆ เรื้อรังเป็นระยะเวลานาน เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือเป็นๆ หายๆ
- อาจมีอาการทางสมอง เช่น ชัก แขนขาชา กระตุก อารมณ์แปรปรวน
- ท้องเสียเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มีแผลเป็นตุ่มสีม่วงแดงเกิดขึ้นตามตัว และในปาก
- เป็นเชื้อราในช่องปาก ทำให้มีฝ้าขาวๆ ขึ้นที่ลิ้น เพดาน ผนังช่องปาก เชื้อราในช่องคลอด ทำให้มีตกขาวลักษณะผิดปกติไป
- ให้คลำต่อมน้ำเหลือง บริเวณขาหนีบ รักแร้ คอว่าโตขึ้นหรือไม่
- ตรวจพบเป็นโรคติดเชื้อต่างๆ เช่น วัณโรค ทางเดินหายใจอักเสบ ฯลฯ
- เป็นโรคเริม หนองใน แม้รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น