150 วันหลังลงจอด ฟีนิกซ์กำหนดปิดตัวเองลงเมื่อหน้าหนาวมาเยือนดาวอังคาร |
เริ่มต้นด้วยการสำรวจองคาพยพของตนเองตั้งแต่หัวจรดเท้าตามที่ได้รับมอบหมาย ถ่ายภาพขาข้างหนึ่งที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองสีแดงส้ม หลังจากนั้น จึงกางแผงโซลาร์เซลล์ทั้ง 2 ข้างออก ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกอย่างยังคงอยู่ครบถ้วนและทำงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำ หลังจากผ่านการเดินทางยาวนานถึง 10 เดือนเต็ม คิดเป็นระยะทางเกือบ 700 ล้านกิโลเมตรและฝ่าบรรยากาศร้อนจัดลงมาด้วยความเร็วสูง เพื่อลงจอดเหนือพื้นราบบริเวณใกล้ขั้วเหนือของดาวอังคาร ในเวลาเกือบๆ 7 โมงเช้าของวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา
หลังจากตรวจสอบตัวเองเสร็จสรรพ ภารกิจที่แท้จริงของฟีนิกซ์จึงเริ่มต้น
แขนกลถูกกางยืดออกเต็มที่ ส่งกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูงแพนไปทั่วทิวทัศน์แปลกตา อีก 2 ชั่วโมงถัดมา หอควบคุมภาคพื้นดินของนาซา ที่ห้องทดลองเจพีแอล ในแคลิฟอร์เนีย ก็ได้รับภาพชุดแรกๆ จากฝีมือของ ฟีนิกซ์
"ฟีนิกซ์" ชื่อเรียกนกในตำนานที่เชื่อกันว่า
มันสามารถฟื้นคืนกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งจากเถ้าถ่าน ถูกเลือกมาใช้เป็นชื่อของยานสำรวจพื้นผิวดาวอังคารลำใหม่อย่างจงใจ เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาจากชิ้นส่วน "อะไหล่" ที่หลงเหลืออยู่ของยานสำรวจดาวอังคารในช่วงเกือบ 30 ปีก่อนหน้านี้ที่ถ้าหากไม่ล้มเหลวเมื่อตอนร่อนลง ก็ถูกแขวนโครงการไว้เพราะไม่เชื่อมั่นในความสำเร็จ
(บน) ห้องทดลองแบบเปียกบนยาน สำหรับวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของดินดาวอังคาร (ล่าง) ห้องทดลองแบบความร้อนและก๊าซบนยาน |
การกลับคืนสู่ดาวอังคารอีกครั้งอย่างมีชัยของฟีนิกซ์จึงมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับนาซาและมนุษยชาติโดยรวม ที่ไม่ยอมท้อถอยกับการค้นหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในดินแดนอันไกลโพ้น
นับตั้งแต่ยานไวกิ้งร่อนลงจอดอย่างปลอดภัยเหนือพื้นผิวดาวอังคารเมื่อปี 1976 เป็นต้นมา
ยังไม่มียานสำรวจลำใดนอกจากฟีนิกซ์ ประสบความสำเร็จในการใช้จรวดขับดันชะลอความเร็วของตัวเองลงจอดอย่างนุ่มนวลและแม่นยำได้ ความสำเร็จของฟีนิกซ์มีความหมายอย่างมากต่ออนาคตในการส่งยานอวกาศไปลงยังดาวอังคาร เพราะนี่เป็นวิธีการเพียงอย่างเดียวที่เราสามารถนำยานขนาดใหญ่กว่า ซับซ้อนกว่า หรือมีมนุษย์อยู่ด้วยลงจอดในดินแดนต่างดาวได้
นัยที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ "ฟีนิกซ์" ได้รับการคาดหมายว่า
จะเป็นยานสำรวจลำแรกของมนุษย์ที่สามารถ "สัมผัส" น้ำบนดาวอังคารหรือในดวงดาวต่างๆ ได้โดยตรง
"ฟีนิกซ์" ทำให้นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรของนาซา วุ่นวายตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงหลังลงจอดบริเวณ วาสติตาส โบเรียลิส ได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลายคนเริ่มต้นการวิเคราะห์เบื้องต้นกับภาพถ่ายชุดแรกที่มันส่งมาให้ หลายภาพในจำนวนนั้นแสดงให้เห็นถึงรูปแบบหลากหลายที่น่าทึ่งของ "ร่องรอย" ที่กรีดผ่านผิวหน้าของพื้นดาว ปีเตอร์ สมิธ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และสอบสวนในภารกิจฟีนิกซ์จากมหาวิทยาลัยอริโซนา บอกว่า เท่าที่เห็นจากภาพถ่าย วาสติตาส โบเรียลิส มีก้อนหินระเกะระกะน้อยกว่าที่คาดไว้ แต่ยังสามารถพบเห็นรูปทรงหลากมิติที่มองเห็นได้จากอวกาศในบริเวณดังกล่าว
รายละเอียดของแขนกลยาว 2 เมตร |
"เรามองไม่เห็นน้ำบนพื้นผิว แต่คิดว่าน่าจะได้เห็นมันอยู่ลึกลงไปใต้ผิวนอกสุดของมัน" สมิธบอกอย่างเชื่อมั่น
ภารกิจหลักของ ฟีนิกซ์ ก็คือการขุดลึกลงไปใต้ผิวนอกของขั้วเหนือดาวอังคาร ที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ถ้าหากไม่ใช่ชั้นน้ำแข็งโดยตรง ก็ต้องมีดินชุ่มน้ำจับเป็นก้อนแข็งเพราะอุณหภูมิต่ำอยู่เป็นชั้นหนา เพื่อเก็บตัวอย่างดังกล่าวนี้ขึ้นมาให้ "ห้องทดลอง" ขนาดเล็กที่ติดตั้งไว้บนตัวยานวิเคราะห์เพื่อมองหาสารประกอบของสิ่งมีชีวิตที่อาจทิ้งร่องรอยไว้ในชั้นน้ำแข็งหรือชั้นดินชุ่มน้ำที่เยือกแข็งดังกล่าวนานนับล้านปี อันจะเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า แม้จะไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชัวิตอีกต่อไปแต่ครั้งหนึ่งดาวดวงนี้มีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อชีวิต กระทั่งอาจสามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้
ถือเป็นโอกาสแรกที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อสำรวจ วิเคราะห์ "น้ำ" บนดาวอังคารได้โดยตรง ถ้าหากพบ "น้ำ" ก็มีโอกาสมากอย่างยิ่งที่จะพบ "ชีวิตในอดีต" ของดาวอังคารเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว
การวิเคราะห์ของ ฟีนิกซ์ จะช่วยบอกเราได้ว่า
ถ้าหากมี "น้ำ" เหล่านี้เพิ่งมาอยู่บริเวณขั้วเหนือเมื่อไม่นานมานี้หรือมันจับตัวแข็งอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่โบราณกาล เมื่อครั้งที่ธารน้ำในรูปของเหลวยังคงความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ให้กับพื้นที่ส่วนนี้ของดาวอังคาร
"ฟีนิกซ์" จะใช้เวลาสำรวจ ตรวจวัด บรรยากาศและพื้นดินของดาวอังคารอย่างละเอียดอีก 8 วัน ก่อนที่จะใช้แขนกลขนาด 2 เมตรของมันขุดลึกลงไปเพื่อมองหาว่าอะไรอยู่ใต้เปลือกนอกที่กระด้างเย็นชาของดาวดวงนี้ กล้องที่ติดตั้งไว้กับตัวยาน และสถานีตรวจอากาศขนาดเล็กจะบันทึกรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมของบริเวณดังกล่าวว่าแตกต่างกันอย่างไรเมื่อเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน และเมื่อเปลี่ยนจากฤดูกาลหนึ่งเป็นอีกฤดูกาลหนึ่ง
ภารกิจของมันคาดหมายว่า
จะสิ้นสุดลงในระยะเวลาราว 3 เดือน เมื่อฤดูหนาวที่แสนเยือกเย็นเดินทางมาเยือน แสงสว่างที่มีเหลือเฟือริบหรี่ลงจนไม่มากพอที่จะเปลี่ยนเป็นพลังงานให้ฟีนิกซ์อีกต่อไป ถึงตอนนั้นมันจะปิดตัวเองจำศีลอยู่ในความเหน็บหนาวแสนสาหัส ให้รอลุ้นกันว่า ฟีนิกซ์ ตัวนี้จะฟื้นคืนจากเถ้าถ่านกลับมาทำงานได้อีกหรือไม่หลังความหนาวเย็นผ่านพ้น
แต่ไม่ว่ามันจะกลับฟื้นคืนมาอีกหรือไม่ ฟีนิกซ์ ก็จะเปิดเผยความลับของดาวอังคารให้เราได้รับรู้กันอีกมากมายก่อนที่จะปิดตัวเองลงอย่างแน่นอน!