ทำบุญอย่างผู้มีปัญญา
ทำบุญอย่างผู้มีปัญญา |
ทานกุศล เป็นเรื่องดี และเป็นพื้นฐานให้ท่านรักษาศีลได้สะดวก เพราะติดตามให้ท่านไม่เดือดร้อน ท่านสามารถจะรักษาศีลได้ โดยไม่ต้องวิตกกังวลมาก จะสังเกตว่า ผู้ที่มานั่งธรรมะไม่ได้นั้น ปัจจัยหนึ่ง คือชีวิตประจำวันต้องร้อนรุ่ม ต้องคิดต้องทำ แต่การทำมาหาเลี้ยงชีพ ถ้าพอฐานะปานกลางก็มาได้ ฐานะน้อยหน่อยก็มาได้ แต่ถ้ามันเดือดร้อนไปทั่ว แล้วมาไม่ได้ มารักษาศีลเจริญภาวนาทำความดี มาไม่ได้ ทั้งๆ ที่ใจอยากทำ และแม้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ไปแล้ว ถ้าท่านทำทานบารมีมาดี ก็จะส่งผลเป็นปัจจัยสี่ ให้ท่านมีใช้พอเหมาะแก่อัตภาพ ให้ท่านปฏิบัติไปถึงมรรค ผล นิพพานได้สะดวก แต่ถ้าท่านมีจิตศรัทธา ที่จะสร้างบารมีไปสูงกว่านั้น เช่น เป็นอสีติมหาสาวก อัครสาวก พุทธอุปฐาก พุทธบิดา พุทธมารดา เป็นต้น หรือสูงขึ้นไปเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัพพัญญูพุทธเจ้า ทานบารมีของท่านที่ทำไว้ด้วยดีแล้วนั้นจะติดตามให้ผลให้ท่านสามารถสร้างบำเพ็ญบารมีให้สูงยิ่งๆขึ้นไป กว้างไกลออกไปตามฐานะของท่านได้ทุกภพทุกชาติ ทานบารมีนี้จึงเป็นเครื่องรองรับเรา ให้ปฏิบัติความดีได้ถึงที่สุด เพราะฉะนั้น ควรพิจารณาว่า จะทำทานอะไร ที่ไหน อย่างไร กับใคร ตามฐานะ ตามกำลังของเรา จึงจะได้ผลดีที่สุด ถ้าเรามีทรัพย์น้อย ก็เหมือนกับมีพืชพันธุ์น้อยที่จะเพาะปลูก ก็ต้องเลือกดินให้เหมาะสมที่สุด ถ้าจะปลูกตรงไหนก็ได้ ก็อาจได้ผลน้อย ไม่พอจับจ่ายใช้สอย แต่ถ้าเลือกดินดี แม้เรามีพันธุ์น้อย มีทุนน้อย มันก็พอใช้ได้ หรือดีขึ้นให้เราเพียงพอ บางคนอาจจะถือว่า การเลือกบุคคล และสถานที่ทำบุญ แปลว่ายังมีกิเลส แต่อาตมาว่า นั่นแสดงว่า “มีปัญญา” เพราะทั้งสิ้นทั้งปวงแล้ว “ต้องมีปัญญา” หากมีปัญญาแล้ว แม้เราไม่มีเงินสักบาทเดียว ก็ทำทานกุศลได้ คือชักจูงคนที่เขาไม่มีจิตใจในทานกุศล ศีลกุศล ให้เขามาศรัทธาโดยสัมมาทิฐิ เราก็ได้บุญ และเมื่อเขามาทำบุญ เราอนุโมทนากับเขา เราก็ได้บุญ ใจเราก็สะอาดตามคนอื่นไปด้วย คนที่เห็นความดีว่า เป็นความดี ก็คือ “คนดี” นี่แหละคือ ผลหรืออานิสงส์ของการอนุโมทนาบุญ บางคนขอทำคนเดียว ก็เจริญคนเดียว บางคนทำบุญแล้วให้คนอื่นรู้ด้วย ผู้อื่นจะได้อนุโมทนาด้วย ผู้นั้นจะได้บริวารสมบัติด้วยเป็นธรรมดา “บุญก็ต่อบุญ ใจก็ต่อใจ” บุญย่อมเจริญแก่ผู้ให้เป็นนิจ |
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!