
คงจะมีบางครั้งที่ใจเคลิ้มลอยล่องไป ทำอะไรๆ ที่มันไม่เคย อยากฮัมเพลงหวานๆ ฝันกลางวันอยู่เรื่อยเลย อยู่เฉยๆ ก็แอบเปรยยิ้มคนเดียว เคยรู้สึกเหมือนดังเนื้อเพลง "คนพิเศษ" ของ "วิยะดา โกมารกุล ณ นคร" นี้บ้างไหมครับ
ผมคิดว่าอารมณ์ "แอบรัก" นั้น เป็นอารมณ์ที่น่ารักที่สุดแล้วของมนุษย์ เพราะเมื่อไหร่ที่เราแอบรักใครสักคน เมื่อนั้นชีวิตในแต่ละวันจะเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า เบิกบาน และจั๊กกะจี้หัวใจ
สมัยเรียนมัธยมฯ ความรักครั้งแรกของผม เริ่มต้นมาจากอารมณ์แอบรัก เราเรียนอยู่ในห้องเดียวกัน ผมเป็นเด็กอ้วนๆ คนหนึ่งที่นั่งอยู่กลางห้อง ไม่มีบทบาทที่โดดเด่นอะไรในชั้นเรียน ถ้าไม่มีการขานชื่อเพื่อตรวจสอบการมาเรียน ทุกคนคงคิดว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ในห้องไปแล้ว
ผิดกับเธอที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าห้อง มีเพื่อนรุมล้อมมากมาย และทุกครั้งที่ห้องต้องร่วมทำกิจกรรมกับทางโรงเรียน เธอนี่แหละจะเป็นคนแรกที่เพื่อนๆ ภูมิใจเสนอ เอาเป็นว่าไม่ว่าเธอจะทำอะไรสปอตไลต์ก็จะส่องสว่างไปที่เธออยู่ตลอดเวลา อาจเพราะความโดดเด่นที่เกิดขึ้นกระมัง ที่ทำให้ผมรู้สึกชอบเธอขึ้นมา
หลังจากที่ผมรู้สึก ชอบจากคนที่ชอบเก็บตัวเงียบ ผมก็พยายามทำตัวให้เด่นขึ้นมา อาทิ แต่งกายผิดระเบียบ พยายามไว้ผมยาว ไม่สนใจเรียน และอีกสารพัดเรื่องที่เด็กเกเรคนหนึ่งพึงจะทำได้ ยกเว้นการโดดเรียน เพราะผมอยากเจอหน้าเธอทุกวัน
อานิสงส์จากการเป็นแบดบอย ผมจึงกลายเป็นสมาชิก "กลุ่มเด็กหลังห้อง" ไปโดยปริยาย นั่นหมายถึงผมมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกเต็มเลย แต่จนแล้วจนรอดผมกับเธอก็ยังคงไม่รู้จักกันอย่างเป็นทางการสักที ได้แต่แอบมอง และหวังว่าเธอจะทำเช่นเดียวกับที่ผมทำ จนเมื่อผ่านไปหนึ่งปี การสร้างความโดดเด่นยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ผมเริ่มมองกลับมาที่ตัวเอง และหาข้อเสีย
อ้วน และผิวคล้ำ คือสองสิ่งที่ผมต้องพิชิต ผมเริ่มวิ่งที่สวนสาธารณะในทุกเย็น และหาซื้อครีมทาผิวขาวมาบำรุง ก็เป็นปีอีกเหมือนกันครับกว่าจะสร้างความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองได้สำเร็จ
แล้วเมื่อมาถึงปีสุดท้ายของการเรียนร่วมกัน เมื่อคิดได้ว่าเหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่ ผมก็เริ่มรวบรวมความกล้าสารภาพกับเพื่อนๆ ว่าผมชอบเธอ และขอให้เพื่อนๆ ช่วยเหลือ และด้วยการวางแผนจากเพื่อนๆ ที่คอยเชียร์นั่นเอง...ในที่สุดผมก็หลุดเข้าไปอยู่ในกลุ่มทำรายงานของเธอได้สำเร็จ
หลายคืนที่ผมกลับบ้านดึกโดยที่มีรอยยิ้มเปรอะหน้า แม้รายงานกลุ่มที่ทำจะค่อนข้างเคร่งเครียด และเอาเวลาในช่วงเย็นถึงค่ำของผมไปหมด แต่ความสนิทสนมของผมกับเธอก็ค่อยๆ แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ
หลายครั้งที่ผมโทรศัพท์ไปหาเธอเพื่อถามไถ่เรื่องรายงานกลุ่ม ซึ่งผมก็มีความเข้าใจอยู่แล้ว ก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่น จนหลังๆ ที่ผมโทรไปหาเธอ เราแทบจะไม่ได้คุยเรื่องรายงานกลุ่มเลย จนภาพเด็กชายคนหนึ่งยืนยิ้มหน้าบานอยู่ในตู้โทรศัพท์ กลายเป็นภาพที่ชินตาคนแถวบ้านผมไปเสียแล้ว
เพื่อนหลายคนยุให้ผมบอกรักเธอในเร็ววัน ด้วยความที่เป็นคนบ้ายุ ผมตัดสินใจที่จะบอกรักเธอผ่านทางโทรศัพท์ในเย็นวันหนึ่ง
เธอปฏิเสธ และให้เหตุผลว่า...เธอชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ผมอกหักแต่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด เพียงแต่คืนนั้นผมนอนไม่หลับเลย เพราะผมกลัววันรุ่งขึ้นที่จะมาถึง ผมไม่กล้าสู้หน้าเธออีกต่อไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมไม่ไปโรงเรียนอยู่หลายวัน ก่อนที่จะตัดสินใจโผล่หัวไปพร้อมๆ กับคำตอบที่เพื่อนๆ อยากรู้ "ตกลงบอกเขาไปหรือยัง"
ผมพยักหน้าแทนการตอบ คำถามต่อไปจึงลอยมา "แล้วเขาว่าไง รัก หรือ ไม่รัก" กับเพื่อน...ผมตอบด้วยรอยยิ้ม แต่กับตัวเอง ผมได้แต่พร่ำบอกว่า "แอบรักน่ะ ดีอยู่แล้ว"
ถ้ายังไม่พร้อมจะอกหัก ขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งผลีผลาม "บอกรัก" ใครเด็ดขาด!!
ขอขอบคุณบทความ จาก First Magazine
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday