วิธีทำใจในยามวิกฤติ โดยท่าน ว. วชิรเมธี

ตราบใดก็ตามที่การเมืองยังไม่นิ่งธุรกิจก็คงยากจะนิ่ง เพราะเราไม่อาจแยกธุรกิจออกจากการเมืองได้ แต่เราแยกใจออกจากการเมืองและแยกออกจากธุรกิจได้ในบางคราว

การทำใจให้น่ิงนอกจากการยอมรับสัจธรรมของการเมืองแล้ว ก็คงต้องยอมรับสัจธรรมของโลกด้วยว่า ความเป็นไปในโลก "ย่อมเป็นเช่นนั้นเอง" กล่าวคือ มีสุขแล้วก็มีเสื่อม
มีขึ้นแล้วก็มีลง มีได้ แล้วก็มีเสีย มีสามัคคี แล้วก็มีแตกสามัคคี

ความเป็นเช่นนั้นเองตามที่กล่าวมานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เป็น "โลกธรรม" คือกฎธรรมดาสามัญที่มีอยู่ประจำโลก ถ้าเราเข้าใจและรู้เท่าทัน โลกธรรมเหล่านี้เราก็จะยอมรับได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของโลก โดยถือว่าใดใดในโลกล้วนเป็นอนิจจัง คือตกอยู่ในความไม่แน่นอน

แต่ถ้าเรารู้ไม่เท่าทัน เรื่องธรรมดาก็จะทำให้เราเป็นทุกข์มหันต์ จากนั้นโลกธรรมดาก็จะเปลี่ยนเป็นโลกกระทำ คือเราถูกธรรมดาของโลก "กระทำ" จนเป็นทุกข์

คุณก่อศักดิ์คงต้องทำให้ระวังไม่ให้โลกธรรม เปลี่ยนบทบาทเป็น "โลกกระทำ"

คำแนะนำต่อมาก็คือ คงต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน การทำธุรกิจสูงมากกว่าภาวะปกติ พูดอีกนัยหนึ่งว่า ต้องเจริญสติไปด้วยทำธุรกิจไปด้วยอย่างใกล้ชิด ประมาท
ไม่ได้เป็นอันขาด

นอกจากนั้นแล้ว ก็คงไม่มีวิธีอื่นนอกจากหันมามองในแง่ดีว่า บทเรียนเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองคราวนี้ คงจะต้องทำให้สรุปบทเรียนใหม่ว่า ถ้าการเมืองไทยเป็นแบบนี้
เราจะทำธุรกิจอย่างไร จึงจะไม่เป็นการเสี่ยงมากเกินไป ชนิดที่การเมืองกระเพื่อม แต่ธุรกิจก็ยังมั่นคงและเดินหน้าต่อไปได้อย่างปกติ

ขอฝากคาถากันใจเสียเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียใจในยามพบกับวิกฤติการณ์ของชีวิตหรือของธุรกิจสักสามข้อนั่นคือ
1. ไม่แน่
2. ไม่ได้ดั่งใจ
3. ไม่มีอะไรสมบูรณ์

ไม่แน่ คือ ทุกอย่างในโลกนี้ เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่ได้ดั่งใจ คือ ชีวิตของเราจะต้องพบกับปัญหากันไปไม่จบสิ้น จบชีวิตเมื่อไหร่ก็จบปัญหาเมื่อนั้น ไม่มีอะไรสมบูรณ์ คือ จะไม่มีใครในนี้ได้ทุกอย่างดั่งใจหวังและจะไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไป

ลองทำความเข้าใจคาถากันใจเสียสามข้อนี้ให้ดี แล้วจะพบว่า เมื่อถึงเวลาวิกฤตใจของเราจะนิ่งได้อย่างวิเศษมากกว่าคนทั่วไป