เหตุใดโลกทุกวันนี้จึงรุ่มร้อน
ถาม เพราะเหตุใดโลกทุกวันนี้จึงรุ่มร้อน มีแต่จะแก่งแย่งชิงดีกัน
รบราฆ่าฟันกันตลอดเวลา แม้ธรรมชาติก็พลอยเป็นใจ
ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือเวลาตกก็ตกเสียจนเกินพอดีจนน้ำท่วมเป็นต้น
ผู้คนล้มตายกันทีละมากๆ ด้วยภัยนานาประการ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
ตอบ ในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
เมื่อใดที่คนในโลกเป็นคนมีศีลธรรม โลกนี้ก็สงบร่มเย็นเป็นสุข
แม้ธรรมชาติก็อำนวยแต่ประโยชน์สุขทุกอย่าง
แต่เมื่อใดที่คนในโลกมีอกุศลหนาแน่น
เมื่อนั้นโลกนี้ก็จะร้อนเป็นไฟด้วยอำนาจของอกุศล
ทำให้เกิดการรบราฆ่าฟันกันทั่วไป และเมื่อถึงกลียุค
คนก็จะเห็นกันว่าเป็นสัตว์
ไม่คำนึงว่าใครเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่เป็นน้องเป็นญาติมิตร
จะจับอาวุธเข้าฆ่าฟันกัน
ดังที่ผู้ใหญ่ท่านเรียกว่าเป็นแดนมิคสัญญี
ปัจจุบันนี้ก็เริ่มๆ จะใกล้ยุคนั้นเข้ามาแล้ว
เพราะดูผู้คนโหดเหี้ยมผิดปกติ แม้แม่ก็ฆ่าลูกได้ง่ายๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็หนีไม่พ้นเรื่องของกิเลสอกุศลไปได้
เพราะยิ่งกิเลสหนาแน่นเท่าไร ผู้คนก็ขาดศีลธรรมมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อผู้ใดไม่มีศีลธรรม สิ่งร้ายๆ ทั้งหลายก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
แม้ธรรมชาติก็พลอยซ้ำเติมให้ทุกข์ยากลำบากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เพราะอกุศลวิบากของคนเหล่านั้น
จึงทำให้ได้รับแต่สิ่งที่ไม่เจริญใจ
จะนับว่าเป็นกาลวิบัติก็เห็นจะไม่ผิด
เพราะทุกอย่างแทบจะวิบัติไปหมดสิ้น
สรุปว่า ไม่ว่าคนหรือธรรมชาติที่ผิดปกติอยู่ทุกวันนี้
เพราะผู้คนในปัจจุบันส่วนใหญ่มีอกุศลหนาแน่นนั่นเอง