รูปนามก็คือ ความรู้สึกตัวซื่อๆ ง่ายๆ ตื้นๆ พื้นๆ สดๆ ความรู้สึกตัวปกติ ที่ทุกคน สามารถรู้จักได้โดยไม่ยากเลย เพียงแต่ตั้งจิตไว้กับความรู้สึกแบบนี้ไปให้นานๆ และนานที่สุดเท่าจะนานได้ และให้รู้ ให้สัมผัสชัดๆ ด้วย พยายามตามรู้การเคลื่อนไหวของทุกส่วนของร่างกายและจิตใจไปเรื่อยๆ ประเดี๋ยวก็จะรู้ขึ้นมาเอง
ที่สำคัญให้เห็นและเข้าใจชัดๆ ว่า ความรู้สึกตัวที่กำลังสัมผัสนี้คือรูปกับนาม หรือกายกับใจ ความรู้สึกตัวแบบนี้ คือตัวสภาวธรรมที่เกิดมาพร้อมกับชีวิตเรา ก็เพราะมันอยู่กับเรามาตั้งแต่เกิดนี่แหละ เราจึงมองไม่เห็นความสำคัญของมัน น้อยคนเหลือเกินที่จะให้สำคัญและความสนใจที่จะรู้
เราทุกคน กลับไปให้ความสำคัญกับความคิดเป็นหลัก ก็เพราะความคิด ดูเสมือนว่า มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ คนทุกคนจึงชอบและให้ความสำคัญ เหมือนที่เราชอบดูหนัง ไม่ผิดอะไรกันนัก ชีวิตจริงมีใครบ้างที่จะนั่งดูหนังเรื่องเดียวได้ทั้งวันทั้งคืน ไม่มีหรอก นอกจากคนบ้า แต่คนส่วนใหญ่ก็ชอบประพฤติเช่นนั้น ใช่ไหม? คือชอบคิดเรื่องๆเดิมแบบซ้ำซาก เรื่องอดีตบ้าง อนาคตบ้างได้ทั้งปีทั้งชาติ กลับไปกลับมาไม่เคยเบื่อ ถ้าจะว่าไป มันก็บ้ายิ่งกว่าบ้านะแหละ
...หลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโท....