ถ้าได้ตัวรู้แล้วถัดจากนั้นมาเดินปัญญา บางคนมีวาสนาเก่า เคยเจริญปัญญามาแต่ชาติก่อนๆแล้ว ทันทีที่ตัวรู้เกิดขึ้นนะ ขันธ์ก็แยกเลย เห็นเลยร่างกายกับจิตคนละอันกัน ความสุขความทุกข์กับจิตนี้คนละอันกัน ความปรุงแต่งที่เป็นกุศล-อกุศลนี้เป็นคนละอันกัน เห็นอย่างนี้เลย คนซึ่งมีบารมีเก่าในทางเดินปัญญามาก่อน
แต่ถ้ามันไม่มี ทำอย่างไร ก็ต้องช่วยมันอีก วิธีช่วยมันนะก็คือ หัดแยกธาตุแยกขันธ์ แยกไป ร่างกายส่วนร่างกาย จิตส่วนจิต ต้องหัดแยก นั่งอยู่หรือเดินอยู่ ก็คอยรู้สึกไป เห็นร่างกายมันนั่ง เห็นร่างกายมันเดิน เห็นร่างกายมันยืน อิริยาบถนอนนั้นเว้นไว้ก่อนนะ ไม่ชำนาญแล้วไปนอนดู แป๊บเดียว จิตก็วิเวก จิตรวม รวมเข้ากับโมหะ หลงไปเลย หลับ
เพราะฉะนั้นยืนอยู่ก็รู้สึก เห็นร่างกายมันยืน จิตเป็นคนดู นั่งอยู่ก็รู้สึก เห็นร่างกายมันนั่ง จิตเป็นคนดู เดินอยู่ก็รู้สึก เห็นร่างกายมันเดิน จิตเป็นคนดู ให้มีจิตเป็นคนดูเรื่อยๆ หรือมีความสุขเกิดขึ้น มีความสุขเกิดขึ้นก็เห็นอีก ความสุขเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู จิตเป็นผู้รู้ผู้ดู มีความทุกข์เกิดขึ้นก็รู้อีก ความทุกข์เป็นของถูกรู้ถูกดู จิตเป็นผู้รู้ผู้ดู
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ขอขอบคุณ Trader Hunter พบธรรม