นอกจากความทุกข์อันธรรมชาติอย่างนี้แล้ว มันก็ทุกข์จากกิเลสมันแผดเผาเอา ราคะ โทสะ โมหะ มันแผดมันเผาเอา ก็เดือดร้อนกันไป ผู้ใดไม่เพียรพยายามละกิเลสมันใจมันสร้างมาแต่ก่อนนู้นก็มี มาสร้างเอาใหม่มันก็มี สมทบกันเข้ามันก็มีกำลัง เผาจิตใจนี้ให้เร่าร้อน มันเป็นอย่างนั้น
นี่แหละความทุกข์ ต้องให้รู้ ไม่ใช่ว่าอยู่ทุกวันนี้ไม่มีความทุกข์อะไร เพราะมันขาดปัญญา เมื่อขาดปัญญามันก็ไม่รู้จักว่ามันเป็นทุกข์อย่างไรแหละ ถ้าใช้สมาธิอบรมจิตให้เป็นสมาธิแล้วก็มาเพ่งพิจารณาดูแล้วก็เห็นแหละ เห็นความทุกข์ จะไม่ทุกข์อย่างไรเล่า เอ้าพอตื่นนอนมา เอ๊..วันนี้จะเอาอะไรมากินหนอ กับข้าวมีหรือไม่หนอ จะไปหาเงินยังไงสำหรับผู้ครองเรือนน่ะ เป็นนักบวชก็เอา ตื่นนอนมา ก็ต้องทำกิจวัตรต่างๆเสร็จแล้วก็บิณฑบาต เออ อย่างนี้แหละ ถ้าไม่ไปบิณฑบาตก็ไม่ได้ฉัน อันหมู่นี้มันก็ล้วนตั้งแต่ความทุกข์ทั้งนั้นแหละ มันความทนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่หาอะไรมาปรนปรือมัน มันก็อยู่ไม่ได้ร่างกายอันนี้นะ นี่มันก็ทรุดโทรมไป มันเป็นอย่างนั้น
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"ความทุกข์ในชีวิตมีมากมาย"