วันนี้มีเรื่องราวดีดีมาฝาก เป็นเรื่องทุกข์ใจเพราะพ่อแม่ลำเอียง โดยเรื่องเล่าอยู่ว่า ดิฉันเป็นลูกคนกลาง ในบรรดาพี่น้อง 3 คน ในความรู้สึกของดิฉันเอง (ไม่รู้ว่าจะผิดหรือถูก) ดิฉันรับผิดชอบดูแลตัวเองได้ ทำตัวให้น่าเป็นห่วงน้อยที่สุด เมื่อเรียนจบก็ทำงานมีเงินเดือนอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เดือดร้อน เลี้ยงตัวเองได้ มีเหลือเก็บบ้าง ส่งให้พ่อแม่บ้าง ทำบุญบ้าง แต่งงานมีสามีก่อนคนอื่น ปัจจุบันเป็นแม่บ้าน ไม่มีลูก ส่วนพี่ยังเป็นโสด มีการงานปกติ มีเงินเดือนเลี้ยงตัวพอประมาณ ส่งเงินที่เหลือไปให้พ่อแม่เก็บให้ มีพฤติกรรมบางอย่างที่คอยให้พ่อแม่ยังคงเป็นห่วง แต่เค้ารักและดูแลพ่อแม่ดี โทรหาทุกวัน ไปหาพ่อแม่อยู่เรื่อยๆ ต่างกับดิฉันซึ่งอยู่ไกลกว่ามาก จะได้กลับก็ช่วงเทศกาล
ดิฉันเป็นคนพูดน้อย มีความเป็นส่วนตัวสูง โทรหาพ่อแม่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนน้องคนเล็กยังโสด ก็น่าเป็นห่วงต้องทำงานหนัก ได้เงินเดือนก็ไม่เยอะมาก ไม่ได้ส่งเงินให้พ่อแม่ ส่วนใหญ่จะซื้อของใช้ในบ้านส่งไปให้มากกว่า น้องอยู่ไม่ไกลกับดิฉันเท่าไหร่ เค้ารักพ่อแม่ดีเหมือนกัน โทรหาพ่อแม่ 2 วันครั้ง กลับบ้านช่วงเทศกาลพร้อมกับดิฉัน
มันมีหลายพฤติกรรมที่ทำให้ดิฉันรู้ว่าพ่อแม่รักพี่และน้องมากกว่า ซึ่งดิฉันแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และพ่อแม่ก็อาจไม่ชอบสามีของดิฉันอยู่บ้าง อันน่าจะเนื่องมาจากตอนดิฉันแต่งงานกันใหม่ๆ ดิฉันกับสามีมีปัญหากันเล็กน้อย แต่ครั้งนั้นสามีทำกับดิฉันเกินเหตุไปหน่อยและเรื่องก็รู้ถึงพ่อแม่ของดิฉัน นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านไม่ชอบสามีของดิฉัน และทำให้ท่านแสดงออกชัดเจนมากขึ้นว่ารักพี่และน้องมากกว่ามาตั้งแต่บัดนั้นหรือเปล่า
ทุกครั้งที่ดิฉันรับรู้ถึงความลำเอียงของพ่อกับแม่ ดิฉันก็มักจะน้อยใจ เสียใจ ร้องไห้ อยู่หลายวัน ไม่อยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว ไม่อยากไปไหนด้วย อยากหนีกลับ ดิฉันคิดว่าดิฉันยังคงทำเหมือนเดิมคือเลี้ยงดู ส่งเงินไปให้ท่าน โทรหาเหมือนเดิมหรือเมื่อสะดวก แต่จะพยายามไม่กลับบ้านช่วงเดียวกันกับพี่น้อง ไม่แน่ใจว่าพ่อแม่จะเสียใจรึเปล่า
ดิฉันได้ศึกษาธรรมมะมาบ้าง ขนาดเรายังชอบชังคนอื่นไม่เท่ากันเลย พ่อแม่เราก็คนปุถุชนทั่วไป ก็คงเหมือนกัน นอกจากนี้เมื่อก่อนตอนที่ยังทำงาน ดิฉันก็มักจะถูกทำงานคนเดียวและจะไม่มีใครให้ความสำคัญ มีเหตุการณ์ให้น้อยใจอยู่เรื่อยๆ รวมไปถึงเวลาไปไหน แม้กระทั่งไปฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ก็มักจะโดดเดี่ยว ไม่มีพรรคพวกเพื่อนฝูงเหมือนกับคนอื่นเค้า ดิฉันไม่รู้ว่าเคยทำอะไรไม่ดีไว้ แต่คิดว่าสถานการณ์ที่ดิฉันได้รับต่างๆ มันคงเป็นกรรมในอดีตของดิฉัน แต่ก็ยังอยากหนีมันอยู่ดี
คำถาม:
1. ดิฉันควรวางใจและปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อรู้ว่าพ่อแม่ลำเอียง ถึงจะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ และในสถานภาพที่อยู่ห่างไกลกับท่านมาก ดิฉันควรปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะได้เรียกว่ากตัญญูและได้ทดแทนบุญคุณของท่านเท่าที่จะทำได้
2. ถ้าดิฉันต้องอยู่ในสถานการณ์ที่โดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครให้ความสำคัญ ดิฉันควรคิดและปฏิบัติตัวอย่างไรดีค่ะ
พระไพศาล วิสาโล ได้ตอบว่า การเปรียบเทียบมักเป็นที่มาแห่งความทุกข์ ไม่ว่าคุณจะมีเงินเดือนมากเท่าไร ถึงจะเป็นแสนหรือครึ่งล้านก็ตาม คุณจะเป็นทุกข์เสมอเมื่อพบว่าเพื่อนร่วมรุ่นที่นั่งข้าง ๆ มีเงินเดือนมากกว่าคุณ ในทำนองเดียวกันไม่ว่าพ่อแม่จะรักคุณแค่ไหน คุณก็ย่อมไม่พอใจอยู่ดีเมื่อรู้หรือคิดว่าพ่อแม่รักน้องมากกว่า
ที่คุณตั้งข้อสังเกตว่าพ่อแม่รักน้องมากกว่าคุณ อาจเป็นความจริงก็ได้ แต่คุณไม่ลองมองในอีกแง่หนึ่งหรือว่า ในบรรดาคนทั้งโลกซึ่งมีอยู่ ๗ พันล้านคนนั้น ไม่มีใครเลยที่รักคุณเท่าพ่อแม่ของคุณ เพียงเท่านี้คุณก็น่าจะพอใจแล้ว ถ้าคุณมองในแง่นี้คุณจะซาบซึ้งในความรักของพ่อแม่มากขึ้น
คุณเองหากมีลูกมากกว่าหนึ่งคน คุณมั่นใจแค่ไหนว่าคุณจะรักลูกเท่ากัน หากคุณไม่มั่นใจ ก็อย่าไปน้อยใจพ่อแม่ของคุณเลย เพราะสิ่งที่ท่านทำนั้นเป็นธรรมดา ความรักที่ท่านมีต่อคุณนั้นต่างหากที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงสมควรที่คุณจะกตัญญูต่อท่าน ดูแลท่านให้ได้รับความสุขสบายในยามแก่เฒ่า และหากชวนให้ท่านได้เข้าใจธรรม อีกทั้งปฏิบัติธรรมทั้งทาน ศีล ภาวนาสม่ำเสมอ ก็เท่ากับว่าได้ตอบแทนคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับคำถามข้อที่ ๒ นั้น อาตมาคิดว่าสิ่งสำคัญที่คุณควรทำ ก็คือเห็นคุณค่าของตนเอง จนสามารถเคารพตัวเองและรักตัวเองได้ ถ้าคุณมีสิ่งนี้ คุณจะแคร์ความรู้สึกของคนอื่นน้อยลง คนที่ไม่เห็นหรือไม่เชื่อมั่นในคุณค่าของตนเองต่างหาก ที่พยายามเรียกร้องคาดหวังให้คนอื่นยกย่องเชิดชูหรือสรรเสริญตนเอง หรือมิเช่นนั้นก็พยายามหาสินค้าแบรนด์เนมมาใช้ หารถแพง ๆ มาขับเพื่อเพิ่มคุณค่าให้แก่ตนเอง แต่การเอาคุณค่าของตัวเองไปผูกติดกับคนอื่นหรือวัตถุนอกตัวนั้นเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนเป็นนิจ เมื่อใดที่มันผันแปรไป ใครกันที่ทุกข์ถ้าไม่ใช่เรา
ถ้าคุณไม่อยากทุกข์ ก็ควรฝากใจไว้กับคนอื่นหรือสิ่งอื่นให้น้อยลง ฝากใจไว้ในธรรม จนมั่นใจในคุณค่าของตน หรือรักตนเองได้อย่างแท้จริง นี้ต่างหากที่จะทำให้คุณมีความสุขอยู่ได้ในโลกที่ผันผวนเรรวนอยู่เสมอ