พุทโธ สัมมาอรหัง ยุบหนอ พองหนอ ภาวนาแบบไหนได้ทั้งนั้น :
'พุทโธ สัมมาอรหัง ยุบหนอ พองหนอ' ภาวนาแบบไหนได้ทั้งนั้น : คำสอน 'หลวงพ่อฤาษีลิงดำ'
ความจริงคำสอนนี้สอนให้ปฏิบัติตาม สอนเพื่อการป้องกันการเข้าใจพลาดของท่านพุทธบริษัทและพระโยคาวจรทั้งหลาย เพราะว่าถ้าหากว่าท่านไม่ศึกษาให้ครบถ้วน ดีไม่ดีจะไปทำลายความดีของบุคคลอื่นเข้า และบางท่านศึกษามาอย่างใดอย่างหนึ่งคือ เวลาคนศึกษาโดยเฉพาะไม่ครบถ้วน
ถ้าหากว่าเขาปฏิบัติและบอกว่าการปฏิบัติไม่เหมือนของเรา เราก็จะหาว่าของเขาผิด บางทีก็ไปยกว่าของฉันดีกว่า ของเธอสู้ฉันไม่ได้ อะไรอย่างนี้เป็นต้น มันเป็นการทำลายความดีของตน และการปฏิบัติพระกรรมฐานจะปฏิบัติอย่างไรก็ตาม มันต้องถูกทุกอย่าง แต่ว่าจะถูกถึงระดับไหนเท่านั้น อารมณ์ใจของบุคคลผู้นั้นจะสูงหรือว่าจะต่ำ
อย่างที่หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญท่านให้ภาวนาว่าสัมมาอรหัง บางคนบอกของฉันนี่พุทโธดีกว่า สัมมาอรหังสู้ฉันไม่ได้ ทางพวกนั้นเขาอาจจะบอกว่าสัมมาอรหังของฉันดีกว่าพุทโธของเธอสู้ฉันไม่ได้ บางท่านก็บอกว่า พุทโธก็ดี สัมมาอรหังก็ดี ไม่ทันสมัย สู้ยุบหนอพองหนอ ไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเป็นผู้รับฟัง ท่านจะมีความรู้สึกอย่างไร ถ้าเราไม่ศึกษากันให้ครบ เราก็คงจะคิดว่าไม่ใครก็ใครต้องผิดฝ่ายหนึ่ง ถ้าเราศึกษากันให้ครบจริงๆ ก็จะเห็นว่าการใช้ทั้งสามแบบหรือแบบอื่นก็ไม่มีใครผิด
ทั้งนี้ เพราะว่า พุทโธ เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน สัมมาอรหัง ดูในอิติปิโสบทต้นก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ยุบหนอ พองหนอ เอาเฉพาะคำว่า ยุบหนอ พองหนอ อันนี้เป็นอานาปานสติกรรมฐาน แต่ถ้าอารมณ์ใจของท่านจะใช้ในด้านวิปัสสนาญาณอีกก็ได้
สำหรับที่วัดหลวงพ่อวัดปากน้ำสอนว่าจงเพ่งดวงแก้วภายในอก ถ้าเราไม่ศึกษาให้ครบ เราก็จะนึกว่านี่ยุ่งแล้ว ดวงแก้วในอกนี่ไม่มี สอนแบบนี้น่ากลัวจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ เพราะว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านโดนมาแล้ว ผมเคยได้ฟัง ความจริง คำว่าดวงแก้วจัดว่าเป็นแสงสว่างก็จัดว่าเป็นอาโลกกสิณ และศัพท์ที่ท่านใช้ก็ใช้ให้ฟังง่ายๆ เท่านั้น ถ้าบอกว่าอาโลกกสิณชักยุ่ง ก็เลยไปเบ่งกันว่ากสิณเป็นของวิเศษกว่าของอื่นกันไปหมด ความจริงกรรมฐานทุกกองมีค่าเท่ากัน
เป็นอันว่าถ้าเราศึกษาให้ดี และพิจารณาลักษณะอาการหรือว่านิมิตที่ท่านปฏิบัติ เราก็อนุโลมเข้ามาได้ในกรรมฐานสี่สิบ ไม่มีอะไรผิด หรือว่าในมหาสติปัฏฐานสูตร ความจริงกรรมฐานใหญ่คือกรรมฐานสี่สิบ ย่อมเป็นเครื่องรับรองทั้งหมด การศึกษา
ถ้าหากว่าเราศึกษากันไม่ครบ เราก็จะได้ยินบ่อยๆ ว่าทำอย่างนี้ไม่ดีสู้อย่างนั้นไม่ได้ อย่างนี้น่าสลดใจ การศึกษาให้ท่านทั้งหลายศึกษาให้ครบ เมื่อครบแล้วก็จงใช้ปัญญาพิจารณาด้วย ใช้อิทธิบาทสี่ คือ ฉันทะ ความพอใจ พอใจเพื่อจะตัด โลภะ ความโลภ ราคะ ความรัก โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง..."
.................................
คัดลอกจากปฏิปทาท่านผู้เฒ่า "บันทึกของท่านผู้ทรงคุณวิเศษในชาตินี้" คำสอนพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วันทาซุง จังหวัดอุทัยธานี (ลานธรรมจักร)
"...สำหรับคำแนะนำในการเจริญพระกรรมฐานในวันนี้ ขอได้โปรดทราบว่าการศึกษาพระกรรมฐานของบรรดาท่านพุทธบริษัท ศึกษากันมาครบแล้วทุกอย่างคือ หนึ่ง มหาสติปัฏฐานสูตรศึกษาจบแล้ว และก็สองกรรมฐานสี่สิบศึกษาจบแล้ว การศึกษาจบเป็นปริยัติ ที่ผ่านมาถือว่าบรรดาท่านทั้งหลายเป็นผู้มีกำไรอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ เพราะว่าการศึกษาพระกรรมฐานแบบนี้จะคิดว่า การที่จะรับฟังการอบรมกรรมฐานทั้งสองประการ คือ มหาสติปัฏฐานสูตร และกรรมฐานสี่สิบครบ ในประเทศเรายังมีอยู่ ผมเป็นคนไม่ปิดวิชาความรู้ วิชาความรู้อันใดที่มีอยู่ที่องค์สมเด็จพระบรมครูทรงสอนมา ถ้าผมรู้อะไรบ้างผมก็สอนทุกอย่างความจริงคำสอนนี้สอนให้ปฏิบัติตาม สอนเพื่อการป้องกันการเข้าใจพลาดของท่านพุทธบริษัทและพระโยคาวจรทั้งหลาย เพราะว่าถ้าหากว่าท่านไม่ศึกษาให้ครบถ้วน ดีไม่ดีจะไปทำลายความดีของบุคคลอื่นเข้า และบางท่านศึกษามาอย่างใดอย่างหนึ่งคือ เวลาคนศึกษาโดยเฉพาะไม่ครบถ้วน
ถ้าหากว่าเขาปฏิบัติและบอกว่าการปฏิบัติไม่เหมือนของเรา เราก็จะหาว่าของเขาผิด บางทีก็ไปยกว่าของฉันดีกว่า ของเธอสู้ฉันไม่ได้ อะไรอย่างนี้เป็นต้น มันเป็นการทำลายความดีของตน และการปฏิบัติพระกรรมฐานจะปฏิบัติอย่างไรก็ตาม มันต้องถูกทุกอย่าง แต่ว่าจะถูกถึงระดับไหนเท่านั้น อารมณ์ใจของบุคคลผู้นั้นจะสูงหรือว่าจะต่ำ
อย่างที่หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญท่านให้ภาวนาว่าสัมมาอรหัง บางคนบอกของฉันนี่พุทโธดีกว่า สัมมาอรหังสู้ฉันไม่ได้ ทางพวกนั้นเขาอาจจะบอกว่าสัมมาอรหังของฉันดีกว่าพุทโธของเธอสู้ฉันไม่ได้ บางท่านก็บอกว่า พุทโธก็ดี สัมมาอรหังก็ดี ไม่ทันสมัย สู้ยุบหนอพองหนอ ไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเป็นผู้รับฟัง ท่านจะมีความรู้สึกอย่างไร ถ้าเราไม่ศึกษากันให้ครบ เราก็คงจะคิดว่าไม่ใครก็ใครต้องผิดฝ่ายหนึ่ง ถ้าเราศึกษากันให้ครบจริงๆ ก็จะเห็นว่าการใช้ทั้งสามแบบหรือแบบอื่นก็ไม่มีใครผิด
ทั้งนี้ เพราะว่า พุทโธ เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน สัมมาอรหัง ดูในอิติปิโสบทต้นก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ยุบหนอ พองหนอ เอาเฉพาะคำว่า ยุบหนอ พองหนอ อันนี้เป็นอานาปานสติกรรมฐาน แต่ถ้าอารมณ์ใจของท่านจะใช้ในด้านวิปัสสนาญาณอีกก็ได้
สำหรับที่วัดหลวงพ่อวัดปากน้ำสอนว่าจงเพ่งดวงแก้วภายในอก ถ้าเราไม่ศึกษาให้ครบ เราก็จะนึกว่านี่ยุ่งแล้ว ดวงแก้วในอกนี่ไม่มี สอนแบบนี้น่ากลัวจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ เพราะว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านโดนมาแล้ว ผมเคยได้ฟัง ความจริง คำว่าดวงแก้วจัดว่าเป็นแสงสว่างก็จัดว่าเป็นอาโลกกสิณ และศัพท์ที่ท่านใช้ก็ใช้ให้ฟังง่ายๆ เท่านั้น ถ้าบอกว่าอาโลกกสิณชักยุ่ง ก็เลยไปเบ่งกันว่ากสิณเป็นของวิเศษกว่าของอื่นกันไปหมด ความจริงกรรมฐานทุกกองมีค่าเท่ากัน
เป็นอันว่าถ้าเราศึกษาให้ดี และพิจารณาลักษณะอาการหรือว่านิมิตที่ท่านปฏิบัติ เราก็อนุโลมเข้ามาได้ในกรรมฐานสี่สิบ ไม่มีอะไรผิด หรือว่าในมหาสติปัฏฐานสูตร ความจริงกรรมฐานใหญ่คือกรรมฐานสี่สิบ ย่อมเป็นเครื่องรับรองทั้งหมด การศึกษา
ถ้าหากว่าเราศึกษากันไม่ครบ เราก็จะได้ยินบ่อยๆ ว่าทำอย่างนี้ไม่ดีสู้อย่างนั้นไม่ได้ อย่างนี้น่าสลดใจ การศึกษาให้ท่านทั้งหลายศึกษาให้ครบ เมื่อครบแล้วก็จงใช้ปัญญาพิจารณาด้วย ใช้อิทธิบาทสี่ คือ ฉันทะ ความพอใจ พอใจเพื่อจะตัด โลภะ ความโลภ ราคะ ความรัก โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง..."
.................................
คัดลอกจากปฏิปทาท่านผู้เฒ่า "บันทึกของท่านผู้ทรงคุณวิเศษในชาตินี้" คำสอนพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วันทาซุง จังหวัดอุทัยธานี (ลานธรรมจักร)
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น