บางครั้งต้องขอบคุณ ความทุกข์ ที่เข้ามาในชีวิต
คิดว่า "ความสุข"จะอยู่กับเราไปอีกนาน หากมองอีกมุมก็จะเห็นได้ว่า พออกุศลให้ผล ความลำบากมาเยือนในชีวิต
ขณะเดียวกันกุศลกรรมก็ให้ผลพร้อม ๆ กัน ทำให้คิดถึงบาป บุญ คุณ โทษ กรรมเวรต่าง ๆ น้อมใจไปในพระศาสนา
จงใช้โอกาสนี้แหละเป็นการเริ่มต้นเดินทางสู่ความหลุดพ้นจาก "ทุกข์" โดยสิ้นเชิง
เดินตามรอยพระอรหันต์เถิด ท่านดำรงชีวิตอยู่ด้วยปัจจัย 4 ตามมีตามได้ เป็นภิกขุ "ผู้ขอ"
เราเป็นฆราวาส เริ่มต้นเดินตามรอยท่าน ด้วยการเจริญ ทาน ศีล ภาวนา
1. ทาน ทำเท่าที่มีโอกาส และ ต้องไม่เบียดเบียนตนเอง เป็นการฝึกจิตใจให้รู้จักเสียสละ สละออก
การงานก็ทำไปให้ดีที่สุด ไม่เลือก ทำเพียงเพื่อหาเลี้ยงชีพโดยสุจริต เป็น สัมมาอาชีวะ
2. ศีล รักษาศีล 5 ให้ถึงพร้อม ด้วย กาย วาจา และ ใจ จะเป็นผู้มีจิตใจเป็นปกติ ไม่เดือดร้อนจากการกระทำของตนในภายหลัง
ความเดือดร้อนใด ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องอดทน ยอมรับไป แก้ไขไปอย่างสุจริตใจ จะผ่านไปได้เอง ถ้ารักษาศีลอย่างสม่ำเสมอ
3. ภาวนา คือ การทำให้จิตใจเจริญในทางธรรมมากขึ้น เริ่มต้นด้วยการ เจริญสติปัฏฐาน 4 ฝึกให้มีสติรู้สึกตัว ตลอดเวลา โดยไม่มีความจงใจ
เท่าที่ทำได้ ถ้าเจริญบ่อย ๆ สติก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าสติดี กิเลสจะครอบงำจิตใจไม่ได้ ทานบารมี ศีลบารมี และ ปัญญาบารมี ก็จะเกิดได้ง่ายขึ้น
อย่าไปตกใจกลัวกับเคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
จงมีจิตใจที่มั่นคงตั้งมั่น
ค่อย ๆ แก้ไขปัญหาไปด้วยสติและปัญญา
ไม่มีอะไรน่ากลัว พระธุดงค์ท่านออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขา ลำเนาไพร ตามลำพัง ไม่มีเงิน ทรัพย์สินใดติดตัว พร้อมเผชิญกับภัยทุกชนิด เพราะท่านเชื่อใน "กฏแห่งกรรม" เชื่อมั่นในปัญญาตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
"บุญกุศลที่หมั่นสร้างแต่วันนี้จะช่วยบรรเทาวิบากอกุศลทั้งหลายที่กำลังผ่านเข้ามา ให้เจือจางลง และไม่ส่งผลในที่สุด อดทนทำไปเถิด "สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม"เครดิตแหล่งข้อมูล : เพจเห็นทุกข์เห็นธรรม