ความจริงแท้ของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้
ความจริงแท้ของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้
ไม่ว่าเราจะดิ้นรนแสวงหาเงินทองสะสมทรัพย์ไว้มากเพียงใด
วันหนึ่งเราก็ต้องพลัดพรากจากสมบัติที่เราหาเอาไว้
ทรัพย์สมบัติเป็นเครื่องช่วยให้เราดำรงชีวิต เป็นทรัพย์ภายนอก
พุทธศาสนาเปรียบไว้เสมือนกิ่งใบของต้นไม้
เมื่อเราตายก็นำติดตัวไปไม่ได้
การได้พิจารณาแบบนี้บ่อยๆ ความโลภในทรัพย์สมบัติก็จะลดลง
มุ่งหน้าทำความดี มาสะสมอริยทรัพย์ คือ ให้ทาน รักษาศีล และฝึกจิตเจริญภาวนา อันเป็นทรัพย์ภายในที่เราจะพึ่งพาอาศัยได้
"ให้ทาน"หมายถึง การให้โดยบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังผลตอบแทน
การให้ทานเป็นการขจัดความตระหนี่ ความโลภในใจ ไปทีละน้อย
ทานจึงเป็นพื้นฐานของการพัฒนาคุณภาพจิตให้เจริญก้าวหน้า
อนึ่ง ธรรมทาน(การให้ธรรมะเป็นทาน) เป็นการให้ที่ประเสริฐกว่าทานทั้งปวง เปรียบได้กับการให้ประทีปส่องทางชีวิต ที่ดีงาม
อานิสงส์ของการให้ทาน ที่ผู้รับจะได้ทันทีก็คือ ได้รับความสุขยิ่งอันเกิดจากการให้
รักษาศีล - ศีล เป็นคุณธรรมที่ทำให้ใจสงบ ปลอดกังวล นำไปสู่จุดหมายอันดีงามได้ง่าย เราควรตั้งใจรักษาศีล 5 ให้สมบูรณ์ เพื่อเป็นกรอบให้เราไม่เบียดเบียนผู้อื่น
และหาโอกาสรักษาศีล 8 เพื่อฝึกหัดขัดเกลาใจ ให้มองเห็น ว่าความสุขเกิดขึ้นได้ โดยกินง่าย นอนง่าย อยู่ง่าย ไม่ต้องพึ่งพาทรัพย์ภายนอกมากนัก
เจริญภาวนา คือ ให้หมั่นฝึกจิต เจริญสติ และเจริญเมตตาภาวนาอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะเวลาก่อนนอนและตอนเช้า ก่อนที่จะเริ่มภาระกิจอย่างอื่น ช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้ ด้วยการคิดดี พูดดี ทำดีได้ไม่ยาก
การฝึกสติตื่นรู้อยู่เสมอ ทำให้อารมณ์ของเรามั่นคง กำกับอารมณ์ของตัวเองได้ จึงใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีเมตตากรุณา
ถ้าเราเริ่มรู้จักตนเอง มีสติ รู้ทันกิเลสของตัวเองแล้ว วิธีคิดก็เป็นระบบมากขึ้น การตัดสินปัญหาต่างๆ ก็ชัดเจนขึ้น
เริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ ตามความเป็นจริง
ทั้งตัวเอง เหตุการณ์ต่างๆ และสิ่งแวดล้อม
จึงมีใจเป็นกลางๆ ที่ทำให้อคติหรือความลำเอียงไม่สามารถแทรกแซงการตัดสินใจ
ไม่ว่าจะมีทุกข์ มีวิกฤตใดๆ เกิดขึ้นในชีวิต
ก็สามารถจะใช้ปัญญาแก้ปัญหา หาทางออก ได้ในทุกสถานการณ์
#เห็นทุกข์เห็นธรรม
#นามบุญ