นอกจากนั้น นายเจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอของอเมซอน ยังได้เปิดตัวคินเดิล อี-รีดเดอร์ เพิ่มอีก 3 รุ่น ซึ่งเป็นแบบหน้าจอขาวดำ โดยรุ่นธรรมดา วางจำหน่ายที่ราคา 79 ดอลลาร์ แบบหน้าจอทัช สกรีน ขายในราคา 99 ดอลลาร์ และแบบทัชสกรีนพร้อมระบบ 3 จี วางจำหน่ายในราคา 149 เหรียญ
คินเดิล ไฟร์ มีขนาดเส้นทแยงมุมของหน้าจอ 7 นิ้ว ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับ"นุ๊ก คัลเลอร์" ซึ่งเป็นแท็บเล็ตของบาร์นส แอนด์ โนเบิล ที่เป็นบริษัทคู่แข่ง โดยมีความละเอียดของหน้าจอ 1024 x 600 พิกเซล และใช้ระบบปฏิบัติการกูเกิล แอนดรอยด์ ระบบประมวลผลแบบดูอัล คอร์ โดยมีนำหนักเบาเพียง 413 กรัม อีกทั้งมีหน่วยความจำที่ 8 กิกะไบท์
ผลประกอบการไตรมาส 2 (เมษายน-มิถุนายน 2011) พบว่า"คินเดิล" เป็นสินค้าหลักที่ทำให้บริษัทมียอดขายขายพุ่งกระฉูดถึง 51% ซึ่งรายได้ของบริษัทในไตรมาส 2 ที่ผ่านมานั้นเพิ่มขึ้นจาก 6.57 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว มาเป็น 9.91 พันล้านเหรียญฯ ในปีนี้ (ประมาณ 2.97 แสนล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดถึง 51%
ส่วนตัวเลขกำไรของอเมซอนกลับลดลงจาก 207 ล้านเหรียญฯ ในปีที่แล้ว เหลือ 191 ล้านเหรียญฯ ในปีนี้ แต่ตัวเลขกำไรกลับลดลงเพราะค่าใช้จ่ายจากการขยายกิจการที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ทั้งนี้รายได้ 9.91 พันล้านเหรียญฯ นั้น อเมซอนระบุว่ามาจากกลุ่มธุรกิจจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าทั่วไปราว 5.89 พันล้านเหรียญฯ ขณะที่ธุรกิจดั้งเดิมอย่างการจำหน่ายสินค้าประเภทสื่อ เช่น หนังสือ แผ่นซีดี-ดีวีดีนั้นคิดเป็นมูลค่า 3.66 พันล้านเหรียญฯ