วัคซีนอาร์เอ็นเอ ที่กำลังทดลองในสหรัฐฯ มีหวังใช้ได้ผลป้องกัน โควิด-19
ความคืบหน้าล่าสุดทำให้เริ่มมีความหวังว่า วัคซีนชนิดนี้น่าจะมีศักยภาพสูงในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดอยู่ในวงกว้าง โดยแอนติบอดีที่ตรวจพบหลังได้รับวัคซีนนั้น มีลักษณะเหมือนกับสารภูมิต้านทานที่พบในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งผ่านการติดเชื้อไวรัสของจริงแต่ฟื้นตัวหายป่วยแล้ว
ผลการทดลองเบื้องต้นนี้ มาจากการเริ่มทดสอบวัคซีนในมนุษย์ระยะแรก ซึ่งเป็นการทดสอบความปลอดภัยกับอาสาสมัคร 8 คน จากที่จะเข้าร่วมการทดลองทั้งหมด 45 คน ที่นครซีแอตเทิลของสหรัฐฯ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการทดลองทางคลินิกของวัคซีนโควิด-19 ครั้งแรกของโลก
ผลปรากฏว่าระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของอาสาสมัครชุดแรกทั้ง 8 คน ได้สร้างแอนติบอดีที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับสารภูมิต้านทานของคนไข้ที่หายป่วย ซึ่งเป็นแอนติบอดีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แม้อาสาสมัครจะได้รับวัคซีนในปริมาณน้อยก็ตาม ส่วนอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนในปริมาณปานกลาง มีการสร้างแอนติบอดีในระดับที่สูงเกินจากสารภูมิต้านทานตามธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะมีการทดลองในระยะต่อไปกับอาสาสมัครจำนวนมากขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้
รายงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature ระบุว่า แอนติบอดีดังกล่าวซึ่งทีมผู้วิจัยเรียกว่า S309 สามารถจับกับโปรตีนที่ส่วนหนามของไวรัสซาร์สซีโอวีทู (SARS-CoV-2) ที่ก่อโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ทำให้ไวรัสไม่สามารถใช้โปรตีนดังกล่าวเป็นกุญแจไขเข้าสู่เซลล์ของมนุษย์ได้
แอนติบอดี S309 ยังสามารถลบล้างฤทธิ์ไวรัสโคโรนาได้อีกหลายชนิด ซึ่งทีมผู้วิจัยหวังว่าอาจพัฒนาแอนติบอดีนี้เป็นทั้งวัคซีนป้องกันและยารักษาโรคโควิด-19 หรือใช้ผสมร่วมกับแอนติบอดีชนิดอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์อ่อนกว่า เพื่อสังเคราะห์เป็น "ค็อกเทลแอนติบอดี" (Antibody Cocktail) ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคให้กับผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง หรือรักษาผู้ป่วยอาการรุนแรงได้ดีขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มทำการทดลองทางคลินิกกับมนุษย์ได้ใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้