ไฟเซอร์ เปิดผลทดลองหลังฉีดวัคซีน6เดือน-แนะฉีดบูสเตอร์เข็ม3
ไฟเซอร์เปิดผลศึกษาวัคซีนยังคงป้องกันการป่วยหนักได้แม้ผ่านไป 6 เดือน แต่รับว่าการป้องกันการติดเชื้อลดลงเหลือเพียง 47%
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ (New York Times) รายงานผลการศึกษาร่วมกันระหว่าง ไฟเซอร์ (Pfizer) และ ไกเซอร์ เพอร์มาเนนเต (Kaiser Permanente) ทีศึกษาถึงประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากการใช้งานจริงในสหรัฐฯ
ผลศึกษาชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ เดอะแลนเซต (The Lancet) เมื่อวันจันทร์ที่ 4 ต.ค. ขณะที่วงการสาธารณสุขในสหรัฐฯ กำลังมีการถกเถียงกันว่า ควรจะเริ่มฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 หรือไม่ และจะเริ่มฉีดเมื่อใด
ทีมวิจัยสรุปข้อมูลผู้ป่วยจากสมาชิกประกันสุขภาพของไกเซอร์ จำนวน 3.4 ล้านคนในพื้นที่แคลิฟอร์เนียใต้ ระหว่างวันที่ 14 ธ.ค. 2563 - 8 ส.ค. 2564 และพบว่า ในช่วงระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน หลังได้รับวัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคเข็มที่ 2 ผู้ที่ได้รับการฉีดมีโอกาสเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงกว่า 90% และไม่มีสัญญาณว่าการป้องกันดังกล่าวจะลดลง
แต่สิ่งที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด คือการป้องกันโอกาสในการติดเชื้อ ที่ในช่วง 1 เดือนหลังฉีดเข็ม 2 อยู่ที่ 88% แต่พอเวลาผ่านไป 5 เดือน กลับลดลงเหลือเพียง 47% เท่านั้น
ผลลัพธ์ที่ออกมานับว่าสอดคล้องกับการศึกษาในอิสราเอล ที่การป้องกันการติดเชื้อลดลงจาก 95% ในช่วงเดือนม.ค. ถึงต้นเดือนเม.ย. เหลือเพียง 39% ในช่วงปลายเดือนมิ.ย. ถึงต้นเดือนก.ค. แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยหนักยังคงสูงกว่า 90% ในช่วงดังกล่าว
รายงานชิ้นนี้นับเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่ชี้ว่า การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 มีแนวโน้มที่จะลดอัตราการติดเชื้อได้ แต่ขณะเดียวกัน หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเพิ่ม ก็ยังได้รับการปกป้องไม่ให้ป่วยหนักได้อยู่
ปัจจุบันองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 สำหรับผู้ที่อายุเกิน 65 ปีและเว้นระยะจากการฉีดเข็มที่ 2 มาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุ 50-64 ปี แต่ยังคงมีการพิจารณาอยู่ว่า จะฉีดกระตุ้นให้กับประชากรกลุ่มอื่นหรือไม่
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น